|
|
มะม่วงหิมพานต์
|
|
|
มะม่วง หิมพานต์มีแหล่งกำเนิดดั้งเดิมที่ใดยังไม่มี่ใครทราบแน่ชัด ที่ทราบกันตามเอกสารต่าง ๆ เชื่อกันว่า หลังจากค้นพออเมริกาเล็กน้อย นักท่องเที่ยวทางทะเลชาวโปรสเกตุ พอต้นมะม่วงหิมพานต์ พบต้นมะม่วงหิมพานต์ในอเมริกาใต้แถบร้อน และได้นำเมล็ดมาขยายพันธุ์ในประเทศพม่าทางแถบร้อนของทวีปแอฟริกาและเอเชียสำหรับในประเทศไทยประชาชนที่อยู่ในภาคใต้ เช่น สงขลา นราธิวาส ยะลา และภูเก็ต เป็นต้นเพราะเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ที่มีขายกันแถมนี้ ส่วนมากรวบรวมมาจากสวนชาวบ้านรายละเล็กละน้อยหรือปลูกไว้เป็นรั้วบ้าน ส่วนที่จะปลูกเป็นสวนใหญ่ไม่ค่อยมีใครรู้จักต้นมะม่วงหิมพานต์กว่าภาคอื่น ๆ ชื่อมะม่วงหิมพานต์ที่ใช้เรียกกันระหว่างประชาชนในภาคกลาง อีสานหรือเหนือเท่านั้น ประชาชนในภาคใต้เรียกชื่อพืชนี้แตกต่างกันตามความนิยมของท้องถิ่นนั้น ๆ เช่น เรียกว่า หัวครก กาหยี กะแตแหล ยาห้อย เล็ดล่อ ฯลฯ เป็นต้น
มะม่วงหิมพานต์มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Anacardium occidentale ,L. เป็นพืชที่ปลูกง่ายเจริญเติบโตเร็ว พื้นที่ที่ไม่เหมาะสมแก่การปลูกพืชชนิดอื่น ๆเช่น ดินทราย ดินลูกรัง หรือดินเค็ม ฯลฯ สามารถปลูกมะม่วงหิมพานต์จะให้ผลผลิตสูงยิ่งขึ้น ไป ดังนั้น จึงแน่ใจได้ว่าต้นมะม่วงหิมพานต์สามารถปลูกได้ทุกท้องที่ของ
|
|
พันธุ์ที่ใช้ปลูก
สำหรับ ประเทศไทยมีพันธุ์พื้นเมืองอยู่มาก ยังไม่ได้ทำการรวบรวมและคัดเลือก เท่าที่พออยู่มากมีพันธุ์ที่มีก้านเมล็ดสีเหลืองและสีม่วงสำหรับพันธุ์ต่างประเทศที่นำเข้ามาก็มี เช่น พันธุ์อินเดีย บราซิล ไลบีเรีย และแอฟริกา
|
|
การขยายพันธุ์
มะม่วง หิมพานต์ที่ปลูกกันอยู่ในปัจจุบันนี้มีทั้งพันธุ์ดีและพันธุ์เลว ถ้าชาวสวนชอบหรือเห็นว่าต้นไหนดีตามความต้องการก็ทำการขยายพันธุ์ต่อด้วยการติดตา ทาบกิ่งหรือเสียบกิ่งกับต้นตอพื้นเมือง
การเพาะเมล็ดเพื่อใช้ทำเป็นต้นตอขยายพันธุ์อาจทำได้หลายวิธี เช่น การใส่กระบะเพาะในแปลงกล้า เพาะในชะลอม เพาะในถุงลาสติก หรือเพาะในหลุมปลูกเลยก็ได้ หลุมหนึ่งควรปลูก 2-3 วัน เลือกต้นที่ดีที่สุดขยายพันธุ์ เมื่อต้นกล้าอายุได้เดือนเศษหรือขนาดเท่าแท่งดินสอดำ จะใช้ติดตาหรือทาบกิ่งก็ทำได้ทันที
|