<%@ Language=VBScript %> นครศรีธรรมราช - สถานที่ท่องเที่ยวทางศิลปวัฒนธรรม


 
  วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร
 
        พระบรมธาตุเจดีย์ เป็นสถูปที่สร้างขึ้นตามรูปแบบสถาปัตยกรรมลังกา กล่าวคือเป็นสถูปทรงครึ่งวงกลมตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมมีรูปช้างค้ำอยู่รอบบริเวณวิหารทับเกษตรเชื่อกันว่าสถูปรูปแบบนี้เข้ามาสุ่นครศรีธรรมราช ก่อน  แล้วจึงได้แพร่หลายไปท้องที่ใกล้เคียง อาทิ วัดเจดีย์งาม วัดพะโคะ วัดสทิงพระ และวัดสีหยัง จังหวัดสงขลา ทั้งยังได้แพร่หลายสู่แว่นแคว้นที่ห่างไกลออกไป เช่น อโยธยา สุโขทัย และศรีสัชนาลัยอีกด้วย
        องค์พระเจดีย์สูงจากพื้นถึงยอดประมาณ 37 วา ส่วนยอดหุ้มด้วยทองคำหนักประมาณ 216 กิโลกรัม ประดับด้วยทองรูปพรรณจำนวนมาก เช่น แหวน กำไล ต่างหู และพระพุทธรูป ผูกเส้นลวดแขวนไว้รอบ บนส่วนยอดสุดยังมีสิ่งของมีค่าประดับไว้อีกมากมาย
 

วิหารทับเกษตร

          เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า"พระระเบียงตีนธาตุ"เนื่องจากเป็นส่วนฐานขององค์พระบรมธาตุเจดีย์ บริเวณรอบๆฐานขององค์พระเจดีย์ทำเป็นซุ้ม มีหัวช้างยื่นออกมา สันนิษฐานว่าเป็นขื่อคานรับองค์พระเจดีย์ มีจำนวน 22 ซุ้ม คั่นด้วยซุ้มเรือนแก้วครอบพระพุทธรูปปางประทานอภัยอีก 24 ซุ้ม แต่ละซุ้มมีลักษณะแตกต่างกัน บางซุ้มได้รับอิทธิพลทางศิลปะแบบลพบุรี บางซุ้ม มีลักษณะคล้ายศิลปะสุโขทัย
        ทุกด้านในวิหารนี้มีธรรมาสน์สำหรับพระสงฆ์ใช้แสดงพระธรรมเทศนาในวันพระในอดีต บริเวณนี้เป็นเสมือนเวทีขั้นสูงสุดของพระนักเทศน์ กล่าวกันว่า พระที่ได้ขึ้นเทศน์บนธรรมาสน์ด้านตะวันออกขององค์ พระบรมธาตุเจดีย์ จะต้องเป็นพระเถระที่มีคติธรรมดี มีสำนวนโวหารกินใจผู้ฟัง และต้องผ่านการยอมรับจากวัดอื่นๆมาแล้ว

 

วิหารพระม้า

        มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า"วิหารพระมหาภิเนษกรมณ์" วิหารแห่งนี้เป็นทางขึ้นสู่ลานประทักษิณรอบองค์พระบรมธาตุเจดีย์ ตามตำนานกล่าวว่าเป็นอาคารที่เศรษฐีชาวลังกา 2 ตน ชื่อพลิติและพลิมุ่ย สร้างขึ้นนร่วมสมัยกับพระบรมธาตุเจดีย์ ในระหว่างการสร้าง ลูกชายของเศรษฐีทั้งสอง คือเจ้ามุดและเจ้าหมู เกิดวิวาทจนฆ่ากันตาย เศรษฐีจึงได้นำอัฐิของบุตรตำเคล้ากับปูน ปั้นเป็นพุทธประวัติตอนพระพุทธองค์เสด็จออกบรรพชา หรือเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ อันเป็นที่มาของชื่อวิหารแห่งนี้ ผนังทางฝั่งตะวันตกได้รับการซ่อมแซมสมัยพระเจ้า อยู่หัวบรมโกศส่วนด้านตะวันออกเป็นของเดิม ฝีมือละเอียดประณีตกว่าของใหม่มาก นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าเศรษฐีทั้งสองได้ปั้นพระพุทธรูปปางห้ามญาติ พระสารีบุตรและพระโมคคัลลาน์ที่ผนังตรงข้ามบันไดไว้ด้วย
        ภายในวิหารยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง เช่น รูปปั้นผู้อารักขาพระบรมธาตุทั้งสี่ทิศ ทิศเหนือทำเป็นรูปยักษ์ 1 คู่ หมายถึงท้าวธตรฐ อยู่บริเวณเชิงบันไดสู่องค์พระบรมธาตุเจดีย์ ส่วนบนหัวเสาเหนือบันไดทั้งสองฝั่งนั้นทำเป็นรูปพญาครุฑ ฝั่งตะวันตกนั้นถือว่าท้าววิรูปักษ์เป็นผู้รักษา ส่วนผู้รักษาทิศใต้คือท้าววิรุฬหก ตามทางขึ้นยังประดับด้วยรูปปั้นสัตว์อีกหลายชนิดด้วยกัน
        เมื่อขึ้นสู่บันไดไปถึงขั้นสูงสุด จะได้เห็นผนังฝั่งตะวันออกมีรูปปูนปั้นภาพพระพุทธบาท ฝั่งตะวันตกเป้นรูปปั้นพระหลักเมือง ถัดมาบริเวณข้างประตูเป็นรูปปั้นกษัตริย์ลังกาในท่านั่งแพนงเชิง ทางทิศตะวันออกคือท้าวขัตตุคาม และทางทิศตะวันตกคือท้าวรามเทพ ส่วนบานประตูนั้นทำด้วยไม้สักขนาดใหญ่แผ่นหนา บานประตูทางทิศตะวันออกแกะสลักเป็นรูปพระพรหม ตะวันตกเป็นรูปพระนารายณ์
        ประตูสู่พระบรมธาตุเจดีย์จะเปิดเฉพาะในวันแห่ผ้าขึ้นธาตุ เพื่อให้ผู้คนนำผ้าขึ้นห่มองค์พระเจดีย์เท่านั้น
        บริเวณหน้าประตูของวิหารพระม้า มีระฆังสำริดใบใหญ่ ซึ่งมีข้อความจารึกว่าสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์

 

วิหารเขียนและวิหารโพธิ์ลังกา

        เป็นเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงบรรดาของแปลกและของมีค่าเป็นจำนวนมาก ที่บรรดาผู้ศรัทธานำมาถวายพระบรมธาตุเพื่อเป็นพุทธบูชาพระรัตนธัชมุนี(ม่วง)พระนักพัฒนาคนสำคัญของนครศรีธรรมราช เป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งขึ้น วิหารเขียนอยู่ร่วมหลังคาเดียวกับวิหารพระม้าเดิมเคยมีประตูทะลุถึงกัน แต่ได้โบกปูนปิดเสียเมื่อใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ภายในจัดแสดงสิ่งของมีค่ามากมาย อาทิ พระพุทธรูปหล่อด้วยทองคำและเงินแท้โดยเฉพาะในตู้กระจกมีพระพุทธรูปสร้างด้วยทองชมพูนุทอันเป็นทองคำบริสุทธิ์หาดูได้ยาก
        ส่วนวิหารโพธิ์ลังกาอยู่ต่อจากวิหารเขียนขึ้นมาทางทิศเหนือ ภายในจัดแสดงของถวายเพื่อบูชาพระบรมธาตุเช่นเดียวกัน


วิหารคดหรือพระระเบียง

        เป็นวิหารที่สร้างขึ้นล้อมรอบพระบรมธาตุเจดีย์และวิหารต่างๆที่กล่าวมาแล้ว พระระเบียงทั้ง 4 ด้านประดิษฐานพระพุทธรูปรายเรียงเป็นจำนวน 173 องค์ เรียกรวมว่า"พระด้าน"พระพุทธรูปเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นฝีมือสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ ในบริเวณวิหารใช้เป็นที่แสดงธรรมในวันพระเช่นเดียวกับวิหารทับเกษตร ก่อนถึงเวลาแสดงธรรมเคยมีชาวบ้านมาประชุมกันอ่านหนังสือเป้นทำนองเสนาะ เรียกว่า "สวดด้าน"แต่ในปัจจุบันหาดูได้ยากแล้ว
        ภายในขอบเขตที่ล้อมด้วยวิหารคดนี้นอกจากพระบรมธาตุเจดีย์ วิหารพระม้า วิหารเขียน และวิหารโพธิ์ลังกาแล้ว ยังมีสถานที่น่าสนใจอีก ได้แก่
        วิหารสามจอม
        วิหารพระแอด
        วิหารพระปัญญา
        วิหารธรรมศาลา
        เจดีย์ก่อด้วยหินสลักแบบจีน
        วิหารหลวง


[กลับสู่หน้า "สถานที่ท่องเที่ยวทางศิลปวัฒนธรรม"
 
[วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร]   [ศาลพระเสื้อเมือง]  [หอพระพุทธสิหิงค์]  [วัดแจ้ง
[เจดีย์ยักษ์]  [กุฎิทรงไทย วัดวังตะวันตก]   [วัดท่าโพธิ์วรวิหาร]  [วัดประดู่]  [วัดสวนหลวง
[วัดท้าวโคตร]  [วัดสวนป่าน]  [วัดเสมาเมือง]  [วัดมเหยงค์]  [วัดจันทาราม] [วัดเขาขุนพนม]
[อุทยานประวัติศาสตร์เขาคา] [หอพระอิศวร] [หอพระนารายณ์] [พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติหอสมุดแห่งชาติ]