ดอก ประกอบด้วยอวัยวะหลายส่วนเรียงเป็นวงต่าง ๆ จากด้านนอก คือ วงกลีบเลี้ยง (calyx) วงกลีบดอก (corolla) วงเกสรตัวผู้ (androecium) และวงเกสรตัวเมีย (gynoecium) ดอกไม้ที่มีส่วนต่าง ๆ ครบทั้งสี่วง เรียกว่า ดอกสมบูรณ์ (complete flower) แต่ถ้าขาดวงใดวงหนึ่งไป เรียกว่า ดอกไม่สมบูรณ์ (incomplete flower) ส่วนดอกที่มีเกสรเพศผู้และเพศเมียอยู่ในดอกเดียวกันเรียกว่า ดอกสมบูรณ์เพศ (perfect flower, bisexual flower) แต่ถ้าเกสรเพศผู้และเพศเมียอยู่ต่างดอกกันเรียกว่า ดอกไม่สมบูรณ์เพศ (imperfect flower) หรือดอกเพศเดียว (unisexual flower) แบ่งเป็นดอกเพศผู้ (staminate flower) และดอกเพศเมีย (pistillate flower) โดยจะมีทั้งดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น (dioecious) และดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (monoecious) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
แต่ละกลีบเรียกว่า กลีบดอก (petal) พบได้ทั้งกลีบดอกที่แยกกันเป็นอิสระและกลีบดอกที่เชื่อมติดกัน พืชบางชนิดอาจไม่มีกลีบดอก กลีบดอกแยกกันเป็นอิสระ ที่มีรูปทรงเฉพาะมี ดังนี้ 1. รูปกากบาท (cruciform) ประกอบด้วยกลีบดอก 4 กลีบ แต่ละคู่ตั้งฉากกัน 2. รูปดอกถั่ว (papilionaceous form) ประกอบด้วยกลีบดอก 5 กลีบ แบ่งเป็น 3 ขนาด กลีบขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านบนเรียกว่า กลีบกลาง (standard) กลีบข้าง 1 คู่ เรียกว่ากลีบคู่ข้าง (wing) และกลีบคู่ล่างที่เชื่อมกันเป็นกระโดง เรียกว่า กลีบคู่ล่าง (keel) 3. รูปดอกหางนกยูง (caesalpinaceous form) ประกอบด้วยกลีบดอก 5 กลีบ ซึ่งมี 4 กลีบ มีรูปร่างคล้ายคลึงกัน ส่วนกลีบบนสุดมีขนาดและรูปร่างแตกต่างกันไป กลีบดอกที่เชื่อมติดกัน มีรูปแบบต่าง ๆ ดังนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รูปกงล้อ (rotate) กลีบดอกเชื่อมติดกันและแผ่ออกคล้ายรูปกงล้อ
รูปดอกเข็ม (salverform) กลีบดอกเชื่อมติดกันคล้ายรูปกรวยแคบหรือทรงแจกัน รูปกรวย (funnelform) กลีบดอกเชื่อมติดกันคล้ายรูปรูปแตรหรือกรวยกว้าง รูประฆัง (campanulate) กลีบดอกเชื่อมติดกันคล้ายรูประฆัง รูปคนโท (urceolate) กลีบดอกเชื่อติดกันคล้ายรูปคนโท รูปหลอด (tubular) กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นรูปหลอด รูปปากเปิด (bilabiate) กลีบดอกเชื่อมติดกันที่โคน ปลายแยกเป็น 2 ส่วน ขนาดและลักษณะต่างกัน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประกอบด้วยเกสรเพศผู้ (stamen) ตั้งแต่หนึ่ง ถึงจำนวนมาก เกสรเพศผู้ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ คือ ก้านชูอับเรณู (filament) อับเรณู (anther) และละอองเรณู (pollen grain) ซึ่งอยู่ในอับเรณู ก้านชูอับเรณูจะมีการติดกับอับเรณูหลายแบบ คือ ก้านชูอับเรณูที่โคนอับเรณู (basifixed) ก้านชูอับเรณูติดที่ด้านหลังอับเรณู (dorsifixed) และก้านชูอับเรณูติดที่กลางอับเรณู ทำให้อับเรณูเคลื่อนไหวได้ (versatile) ประกอบไปด้วยเกสรเพศเมีย (pistil) ตั้งแต่ 1 ถึงหลายอัน เกสรเพศเมียประกอบด้วยสารต่าง ๆ คือ รังไข่ (ovary) ไข่ (ovule) ก้านเกสรเพศเมีย (style) และยอดเกสรเพศเมีย (stigma) เป็นลักษณะสำคัญที่ใช้ประกอบการจำแนกชนิด แบ่งออกเป็น รังไข่เหนือวงกลีบ (superior ovary) ส่วนของรังไข่อยู่เหนือวงต่าง ๆ ของดอก รังไข่กึ่งใต้วงกลีบ (half-inferior ovary) รังไข่มีส่วนต่าง ๆ ของดอกติดอยู่กึ่งกลาง รังไข่ใต้วงกลีบ (inferior ovary) ส่วนของรังไข่อยู่ต่ำกว่าวงต่าง ๆ ของดอก |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ดอกอาจจะพบทั้งที่เป็นดอกเดี่ยวหรือเป็นช่อ โดยมีดอกมากกว่าหนึ่งติดอยู่บนแกนกลาง ลักษณะการติดของดอกทำให้เกิดช่อดอกแบบต่าง ๆ กันดังนี้ ช่อเชิงลด (spike) ช่อดอกที่ดอกย่อยไม่มีก้าน ช่อกระจะ (raceme) ช่อดอกที่ดอกย่อยมีก้าน แกนกลางไม่แตกแขนง ช่อแบบหางกระรอก (catkin) คล้ายกับช่อเชิงลด แต่ช่อจะห้อยลงและดอกมักมีเพศเดียว ช่อซี่ร่ม (umbel) ช่อดอกที่ดอกย่อยออกจากจุดเดียวกันและมีก้านยาวเท่ากัน ช่อกระจุกแน่น (head) ช่อดอกที่มีดอกย่อยอัดกันแน่นบนฐานรองดอกรูปจาน ช่อดอกระจุก (cyme) ช่อดอกที่มีดอกกลางบานก่อนดอกล่าง ช่อดอกแยกแขนง (panicle) ช่อดอกที่แกนกลางแตกแขนง ช่อดอกเชิงหลั่น (corymb) ช่อดอกที่ดอกย่อยอยู่ในระนาบเดียวกันก้านดอกยาวไม่เท่ากัน ช่อดอกเชิงลดมีกาบ (spadix) เป็นช่อดอกแบบเชิงลด ที่มีดอกแยกเพศติดอยู่บนแกน แล้วมีกาบหุ้ม เช่น ดอกหน้าวัว |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
[ ลำต้น ] [ ใบ ] [ ดอก ] [ ผล ] [ เมล็ด ] |
BACK |