ความเป็นมา

         การทอผ้ายกมีหลักฐานว่า ชาวเมืองนครศรีธรรมราชได้แบบอย่างมาจากแขกเมืองไทยบุรี กล่าวคือสมัยที่เมืองไทยบุรีเป็นกบฎ เจ้าเมืองนครศรีธรรมราช คือ เจ้าพระยานคร (น้อย) ได้ยกกองทัพไปปราบปราม ขากลับได้กวาดต้อนครอบครัวเชลยเข้ามายังเมืองนครศรีธรรมราชเป็นจำนวนมาก ได้พวกช่างมาไว้หลายพวก เช่น ช่างหล่อโลหะประสม ช่างทอง ช่างเงิน และช่างทอผ้า สำหรับพวกช่างทอผ้าให้อยู่บริเวณทางด้านตะวันตกของตัวเมือง คือในตำบลมะม่วงสองต้น อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช และตำบลนาสาร อำเภอพระพรหมในปัจจุบัน ช่างพวกนี้ได้ถ่ายทอดความรู้แก่ช่างพื้นเมืองที่มีอยู่ก่อน จึงทำให้การทอผ้าในสมัยนั้นพัฒนาขึ้นกว่าสมัยก่อน ๆ มาก

         มีผู้สันนิษฐานว่า "ผ้ายกเมืองนครนี้ยังสงสัยกันอยู่ว่าเป็นผ้ายกที่ทางเมืองนครศรีธรรมราชทอขึ้นเองหรือสั่งซื้อมาจากต่างประเทศเข้ามา" โดยอ้างพงศาวดารว่า "เจ้าพระยานคร (หนู) สั่งซื้อผ้ายกทองจากต่างประเทศเข้ามาถวายพระบาทสมเด็จ ฯ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย" นั้นคงจะเป็นการเข้าใจผิด ทั้งนี้เพราะเจ้าพระยานคร (หนู) เป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชในสมัยกรุงธนบุรี และถูกถอดยศในรัชสมัยพระบาทสมเด็จฯ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและยังได้ถูกนำไปกักตัวไว้ ณ กรุงเทพฯ จนถึงอสัญกรรม เจ้าพระยานคร(หนู) จึงไม่อยู่ในวิสัยที่จะสั่งซื้อผ้ายกทองจากต่างประเทศนำเอาเข้ามาถวายพระบาทสมเด็จฯ พระพุทธเลิศหล้านภาลัยเพราะเป็นบุคคลต่างยุคสมัยกัน

         จากหลักฐานจดหมายเหตุ ร.๒ ที่กล่าวมา ย่อมแสดงให้เห็นว่าเมืองนครศรีธรรมราชในสมัยนั้นได้มีการผลิตหรือทอผ้ายกทองแล้ว ฝีมือการทอผ้าของเมืองนครศรีธรรมราชคงจะมีชื่อเสียงมากในสมัยนั้นจนเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ดังเพลงกล่อมเด็กบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า

  ไปเมืองคอนเหอ ไปซื้อผ้าลายทองสลับ  
  ซื้อมาทั้งพับ สลับทองห่างห่าง  
  หยิบนุ่งหยิบห่ม ให้สมขุนนาง  
  สลับทองห่าง ห่าง ทุกหมู่ขุนนางนุ่งเหอ  

         จากข้อความในเพลงกล่อมเด็กบทนี้ สื่อให้ทราบทันทีว่าที่เมืองนครศรีธรรมราชได้มีการทอผ้าเป็นล่ำเป็นสันเป็นเวลานานแล้ว ทั้งยังมีผ้าที่มีคุณภาพดีที่หายากจากแหล่งอื่นคือผ้ายกทองอันเป็นผ้าที่ใช้สำหรับบุคคลชั้นสูงด้วย นอกจากนั้นในหนังสือวรรณคดีไทยเรื่องขุนช้างขุนแผนก็ยังได้กล่าวถึงผ้ายกนครไว้เช่นเดียวกัน อันเป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่าในอดีตนครศรีธรรมราชคงมีฝีมือทางการทอผ้ามากและเป็นผ้ายกที่จัดได้ว่าเป็นแบบฉบับของตัวเองเป็นฝีมือของช่างชั้นสูงแห่งหนึ่งอย่างแน่นอน

         ฝีมือการทอผ้าของชาวนครจัดได้ว่ามีชื่อเสียงมานาน เป็นที่รู้จักกันดีทั้งในกรุงเทพฯ และทั่วภาคใต้จนคนทั่วไปเรียกกันว่า "ผ้ายกเมืองนคร" สมัยก่อนชาวนครนิยมนุ่งผ้าโจงกระเบนกันทั้งหญิงและชายพวกข้าราชการกรมเมือง ข้าราชการศาล และราษฎรนุ่งกันอยู่เสมอ โดยเฉพาะเจ้านายผู้หญิงในเมืองนครศรีธรรมราช นุ่งผ้ายกจีบเวลาออกรับแขกเมืองหรือไปร่วมพิธีทำบุญที่วัดอยู่เป็นประจำ นอกจากนี้แล้วในพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการเมืองนครศรีธรรมราช ผู้ที่เข้าพิธีถือน้ำจะต้องนุ่งผ้ายกขาวเชิงทองหรือผ้าสัมมะรสด้วย

         ส่วนผ้ายกทองนั้นมักใช้เฉพาะเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในรั้วในวัง หรือเจ้าพระยานครส่งเข้ามาถวายเจ้านายในกรุงเทพฯ ส่วนผ้ายกธรรมดาก็ใช้กันโดยทั่วไปในพิธีแต่งงาน ไปวัดหรือไปงานมงคลต่าง ๆ เช่น บวชนาค และโกนจุก เป็นต้น ผู้หญิงมักนุ่งผ้ายก ดอกหน้านาง หรือผ้าเก็บนัด ผู้ชายก็นุ่งผ้าหางกระรอก

         ชาวเมืองนครศรีธรรมราชเรียกเครื่องมือทอผ้ารุ่นเก่าว่า"เครื่องทอหูก" หรือ "เก" เหมือนกับท้องถิ่นอื่นโดยทั่วไปเกมี 2 ชนิด คือถ้าสามารถยกเคลื่อนที่ได้เรียกว่า "เกยก" ถ้าเป็นเครื่องทอผ้าที่ใช้เสาปักดินยึดอยู่กับที่เคลื่อนย้ายไม่ได้เรียกว่า "เกฝัง" ทั้งสองชนิดมักใช้ไม้เนื้อแข็ง ชาวบ้านที่มีอาชีพทอผ้ามักจะสร้างเกประจำไว้ตามใต้ถุนบ้านแทบทั้งสิ้น ผ้ายกนครทอได้หลายชนิด แต่ละชนิดจะยกดอกงดงามอันเป็นแบบฉบับของตนเองอย่างนี้เรียกว่า "ผ้าตา" ซึ่งด้านชายผ้าทอเป็นแถบทองลายเงิน นอกจากผ้ายกแล้วผ้าทอที่รู้จักกันดีของเมืองนครศรีธรรมราช คือผ้าเก้ากี่ ผ้าราชวัตร ผ้าหางกระรอก ผ้าเก็บชาย ผ้าเก็บดอก ฯลฯ

         การทอผ้าหรือการทอหูกที่เมืองนครศรีธรรมราช แต่เดิมนั้นมีอยู่ในทุกท้องถิ่น แหล่งทอผ้าหรือทอหูกที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีก็คือ บ้านนาสาร บ้านมะม่วงขาว บ้านมะม่วงสองต้นและในตัวเมือง ในปัจจุบันหาดูได้ยากเสียแล้ว แม้ว่าจะพอมีการทอกันอยู่บ้างก็โดยการสนับสนุนส่งเสริมของกรมราชทัณฑ์ และกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย แต่ก็ยังขาดการปรับปรุงให้ทันสมัย ความปาณีตสวยงามก็สู้ของเก่าไม่ได้และก็มีราคาแพง ตลาดจำหน่ายจึงแคบลง ยิ่งกว่านั้นคนรุ่นใหม่ก็ไม่สนใจคนจะหันไปประกอบอาชีพอื่นที่มีรายได้ดีกว่าเสียหมด บ้านทอผ้าในตัวเมืองนครศรีธรรมราชที่ยังทออยู่ก็มีที่บ้าน นางวิเชียร ศรีวัชรินทร์ บ้านท่าม้าในซอย ณ นคร ๓ ซึ่งเป็นบริเวณบ้านเก่าของคุณพิณ ณ นคร ภรรยาพระศิริธรรมบริรักษ์ (ถัด ณ นคร) ธิดาของพระนาวิชิตสรไกร (กล่อม) แต่เดิมที่บริเวณนี้เป็นที่ตั้งโรงละครชาตรีประจำเมืองนครศรีธรรมราชเมื่อครั้งโบราณบริเวณบ้านกลุ่มนี้มีชื่อเสียงในการทอผ้ามาก แต่ก็ได้มีการเลิกราไปขณะนี้ถึงจะมีการทออยู่บ้างแต่คุณภาพไม่ดีเท่าของเดิมเพราะทุนรอนน้อย ด้วยเหตุนี้ผ้าทอชนิดต่าง ๆ และผ้ายกนคร คงจะมีแต่เพียงชื่อเหลืออยู่ในประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน

        ผ้าทอเมืองนคร ผ้าเป็นประเพณีตศิลปอย่างหนึ่ง คุณค่าความงามของผ้าอยู่ที่การใช้สี ลวดลาย วัสดุที่ใช้ทอ ตลอดจนความปาณีตของฝีมือ ผ้าพื้นเมืองของคนไทยมีทั้งผ้าฝ้าย ผ้ายก ผ้าปัก ฯลฯ ผ้ามีบทบาทสำคัญมากทางวัฒนธรรมการแต่งกายของคนไทยมาแต่โบราณ ผ้าบางประเภทยังยังบ่งบอกถึงฐานะและชนชั้นในสังคมไทยอีกด้วย

        ผ้าพื้นเมืองโบราณของนครศรีธรรมราชเท่าที่พอจะนำมาศึกษาหาความรู้ได้นั้นจะมีอยู่ 2 แหล่งด้วยกันแหล่งแรกเป็นผ้าโบราณที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑสถานโพธิ์ลังกา ภายในวัดมหาธาตุวรมหาวิหารและอีกแหล่งหนึ่งจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช เสื้อผ้าที่จัดแสดงอยู่ที่นี้เป็นเสื้อผ้าของโบราณที่เจ้าพระยาดินทร์เดชานุชิต ตระกูล ณ นคร เคยใช้ และเป็นสมบัติของตระกูลที่มอบให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราชจัดแสดงไว้เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาหาความรู้

        การทอผ้าแต่เดิมคงจะมาจากวังของเจ้าพระยานคร แล้วแพร่หลายต่อมาในภายหลัง การทอผ้ายก ผ้าดอกสอดไหนในครั้งนั้นถือเป็นศาสตร์ชั้นสูงที่เป็นความลับมีรู้อยู่เฉพาะคนบางคนเท่านั้น ผู้อื่นจะรู้ได้ก็โดยการลักจำเอาไปเท่านั้น ด้วยเหตุนี้กระมังที่ทำให้อาชีพการทอผ้าพื้นเมืองนครศรีธรรมราช จึงไม่แพร่หลายเท่าที่ควรและเลิกราไปในที่สุดรายแล้วรายเล่า

        ผ้ายกผ้าทอของนครในอดีตผลิตขึ้นมาเป็นของใช้ เช่น ผ้านุ่ง ผ้าห่ม ผ้าไหม ฯลฯ มีอยู่เฉพาะที่เป็นของใช้ของข้าราชการผู้ใหญ่และกรมการเมืองเท่านั้น ผู้อื่นไม่มีโอกาสใช้เพราะไม่มีขายในท้องตลาด ถือว่าเป็นของสูง ช่างผู้ผลิตผ้าก็เป็นคนของเจ้านายเลี้ยงไว้

        ถ้าจะเปรียบเทียบฝีมือกันระหว่างผ้าทอโบราณกับผ้าทอในปัจจุบัน นับว่าปัจจุบันยังห่างชั้นกันมาก ไม่ว่าจะเป็นสีของผ้า ลวดลายที่ผูกเก็บขึ้นมาการทอ ความกว้างยาว ตลอดจนแนวคิดที่ละเอียดอ่อน ผสมกลมกลืนกันอย่างประณีตบนผืนผ้าผืนแล้วผืนเล่า ทำให้ผ้ามีน้ำหนักทั้งทางศาสตร์ และศิลปถือเป็นวัฒนธรรมการแต่งกายของคนนครในอดีตที่ก้าวหน้าในเชิงประณีตศิลปอย่างแท้จริง

  เครื่องทอ
เครื่องทอ