เอ้า ยกธรรมะอื่นอีกให้เห็นง่าย ฯ ถ้าเรามี หิริโอตตัปปะ หิริโอตตัปปะนี่เรียกว่า เป็นธรรมคุ้มครองโลกรักษาโลก

         โลกในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแผ่นดิน แต่หมายถึงตัวเราแต่ละคนตัวเราที่มีกายมีใจ นี่เป็นโลก ๆ หนึ่ง พระพุทธเจ้าว่า ธรรมะคุ้มครองโลกคือ รักษาตัวเราให้ปลอดภัย

         สมัยก่อนพระพุทธเจ้าเกิด เขาเชื่อว่ามีเทวดารักษาโลกท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหค ท้าววิรูปักษ์ ท้าวกุเวร 4 ท้าวนี่เป็นยักษ์ทั้งนั้น

         คนรักษาโลกมันต้องเข้มแข็ง มันต้องเป็นยักษ์ เป็นมนุษย์ธรรมดาไม่ได้ มันต้องเป็นยักษ์ มันต้องถือตะบอง หมายความว่าเป็นคนเด็ดขาด ทำอะไรทำจริงไม่อ่อนแอ ไม่เข้าข้างคนชั่วใครทำไม่ดีเอากระบองตีกระบาลมันเลย ท้าว 4 อย่างนั่นเป็นยักษ์ทั้งนั้นแหละ

         แต่พระพุทธเจ้าบอกมันมากไป ตั้ง 4 คน นี่มันมากไปเอา 2 อย่างพอ 2 อย่างก็คือ หิริ ความละอายแก่ใจ โอตตัปปะ ความกลัวบาปกลัวกรรม ลองคิดดูหน่อยว่า ถ้าเรามี 2 อย่างนี้เราจะปลอดภัยมั้ย จะศักดิ์สิทธิ์มั้ย

         คนมีความละอายบาปก็ไม่ทำบาป คนมีความละอายบาปไม่ทำบาปไม่ทำชั่ว เมื่อไม่ทำบาปไม่ทำชั่วเขาก็ปลอดภัยแล้ว เพราะเขาละอาย ต่อหน้าคนก็ทำไม่ได้ ลับหลังคนก็ทำไม่ได้ เพราะเขาละอายแก่ใจ ละอายเพราะนึกว่าเราเป็นไทยไม่ควรทำอย่างนี้เราเป็นพุทธบริษัทไม่ควรทำอย่างนี้ เราเป็นมนุษย์ไม่ควรทำอย่างนี้ เราเป็นคนมีความรู้ไม่ควรทำอย่างนี้ เราเป็นคนที่อยู่ในตำแหน่งสูงไม่ควรทำอย่างนี้ ไม่เหมาะแก่เรา ละอายแล้วเราก็ไม่ทำ นี่แหละ ปลอดภัยมั้ย คนมีความละอายก็ปลอดภัยแล้วศักดิ์สิทธิ์แล้ว


คบคนเช่นใดมันก็เป็นเช่นคนนั้น กลับหน้าแรก ทำดีได้ดีมีที่ไหนทำชั่วได้ดีมีถมไป