พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาของปัญญาชน เป็นศาสนาที่ให้ความสว่างให้ปัญญา พระพุทธเจ้าเป็นนักปฏิรูปชั้นยอดไม่มีใครเทียบเท่า

   พระองค์เกิดขึ้นในประเทศอินเดีย ก็คนอินเดียนั้นคืออะไร คนอินเดียคือศาสนาแบบนิยายทั้งนั้น เรื่องพระอิศวร พระนารายณ์ พระพรหม พระอะไรต่ออะไร เทวดา เลอะเทอะไปหมด มันเป็นเรื่องเทพนิยายไม่ใช่เรื่องจริงจังอะไร นับถือกันอยู่ ไหว้ลิง ไหว้วัว ไปตามเรื่องตามราว ทำแต่พิธีรีตองไม่มีการปฏิบัติก้าวหน้า

   พระองค์เกิดขึ้นในประเทศอินเดีย ได้เห็นสิ่งเหล่านั้นก็รู้ว่ามันไม่ถูกต้อง พระองค์จะต้องค้นหาทางใหม่ แล้วก็ไปศึกษาค้นคว้าหาแนวใหม่เอามาประกาศให้ชาวโลกเข้าใจ พระองค์กล้าพูดความจริง ให้คนทั้งหลายเข้าใจ ยกตัวอย่างง่าย ๆ ภายหลังจากการตรัสรู้แล้ว กำลังเดินทางจะไปพบปัญจวัคคีที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เดินสวนทางกับอาชีวกคนหนึ่ง อาชีวกเห็นพระพุทธเจ้าก็แปลกใจ … แปลกใจอย่างไร นักบวชในอินเดียสมัยนั้นมันรุ่มร่ามรุงรัง ไว้หนวดไว้เครา ผมเผ้ารุงรัง ตัวก็เปื้อนด้วยขี้เถ้า เอาขี้เถ้ามาทาหน้าผาก ทาแก้ม ทาแขน ทาหน้าอกรุงรังไปทั้งหมด สกปรกไม่น่าดู แต่พอเห็นพระพุทธเจ้าก็ประหลาดใจเพราะพระพุทธเจ้าแต่งตัวสะอาดเรียบร้อย สะอาดตา ผมก็สั้น หนวดไม่มี เคราไม่มี โกนเกลี้ยง เล็บมือก็ไม่ยาว นุ่งผ้าสะอาดเข้าใกล้ไม่มีเหม็นสาบเหม็นสาง เขาได้เห็นก็นึกว่า โอ พระรูปนี้นักบวชรูปนี้ผิวพรรณผ่องใส เลยเข้าไปถาม…ถามว่า ดูหน้าตาของท่านผ่องใสเหลือเกิน ท่านชอบธรรมะของใคร ท่านเป็นลูกศิษย์ของใคร ฟังคำตอบให้ดี โยมจะเห็นว่า พระองค์ตอบเหมือนกับฟ้าผ่าลงในประเทศอินเดีย ตอบว่า "เราเป็นสยมภูผู้รู้เองในโลก จะอ้างใครว่าเป็นครูเป็นอาจารย์ได้เล่า"

   นี่แหละคือฟ้าผ่าเปรี้ยงลงไปในประเทศอินเดีย เพราะชาวอินเดียนั้น ในสมัยนี้ก็ยังถือกันอยู่ อะไรที่เกิดในชีวิตก็ต้องเบื้องบนทั้งนั้น เทพเจ้าเบื้องบนให้โทษ ร่ำรวยก็เทวดาให้รวย จนก็เพราะเทวดาให้จน เจ็บไข้ได้ป่วยก็เพราะเทวดาให้เจ็บไข้ได้ป่วย เป็นอะไรก็ต้องเทวดาทั้งนั้น อะไรจะเกิดขึ้นก็เทวดาทั้งนั้น เอาชีวิตไปแขวนไว้กับเทวดาบนสวรรค์ แต่พระพุทธเจ้าท่านปฏิเสธสิ่งนั้น

   ท่านกลับพูดว่า เราเป็นสยมภูผู้รู้เองในโลก สิ่งที่พระองค์ได้รู้ได้เข้าใจนั้นไม่ใช่ใครบอกแต่ค้นหาด้วยพระองค์เอง ด้วยความเพียรมั่น ด้วยความอดทน ด้วยความกล้าหาญ ด้วยความตั้งใจ จึงได้สำเร็จในความรู้เป็นพระพุทธเจ้า เป็นผู้รู้ เป็นผู้ตื่นเป็นผู้มีความเบิกบานแจ่มใส พระองค์กล้าตอบอย่างนั้น ถ้าหากพระองค์กลัวพราหมณ์แก่ ๆ เกรงใจพราหมณ์แก่ ก็ไม่กล้าตอบไม่กล้าพูดความจริง แล้วศาสนาพุทธจะเกิดขึ้นได้อย่างไร


บนปราสาทแห่งปัญญา กลับหน้าแรก เรารู้ด้วยตัวเรา