มีแต่ธรรมะพูด ไม่มีธรรมะจริง
เพราะฉะนั้นเราต้องช่วยกันสอนธรรมะ ให้รู้ธรรมะ ให้มีธรรมะ ให้ใช้ธรรมะให้ถูกต้อง
เดี๋ยวนี้มันเรียนๆ บ้าน้ำลาย ไม่รู้ธรรมะ แต่พูดเป็นตุเป็นตะเลย อย่างนี้เรียนธรรมะที่รู้ธรรมะแล้วไม่รู้ธรรมะ แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีธรรมะสักนิดเดียว รู้ธรรมะมากแต่ไม่มีธรรมะสักนิดหนึ่ง มีแต่ธรรมะพูด ไม่มีธรรมะจริงรู้ธรรมะแล้วยังต้องมีธรรมะอีก มีธรรมะเฉยๆใช้ไม่ได้หรอก ต้องใช้ธรรมะ การใช้ต้องใช้ให้ถูกต้อง หากใช้ไม่ถูกต้องก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก มีธรรมะแล้วต้องใช้ธรรมะให้ถูกต้องต้องสอนให้เขารู้ธรรมะ ช่วยกันสอนและส่งเสริมให้เขาปฏิบัติ เมื่อเขาปฏิบัติก็ช่วยให้เขาปฏิบัติให้คล่อง ให้สะดวก ให้ถึงทีสุดไปยกย่องสรรเสริญบุคคลที่มีธรรมะ อย่ายกย่องบูชานางงามกันอยู่เลย
เดี๋ยวนี้นางงามกำลังขึ้นสมองทั่วโลกแหละ อย่างนี้มันไม่มีประโยชน์ในการที่จะมีธรรมะ บูชาคนที่มีธรรมะ มีความสวยความงามอย่างธรรมะ มีธรรมะเป็นความงามอย่างนี้แหละดี
อย่าเมาประเพณี
อีกทางหนึ่งก็คือ อย่ามัวเมาประเพณี ชนิดที่เป็นอันธพาลความถูกต้องในทางธรรมะนี่แหละเอาไปใช้ประเพณี แต่พวกอันธพาลทำให้เสียความหมายเดิม อย่างทอดกฐินนี้ ไม่มีความประสงค์มุ่งหมายเดิมเหลืออยู่ ตามวินัยตามอะไรไม่มี
ยกตัวอย่างทอดกฐินที่เขากระทำ เขาต้องการให้ทำจีวรเป็นสามัคคีกันทำ ทุกคนมาทำกัน ตั้งแต่พระเถระจนถึงพระบวชใหม่สามเณรน้อยๆ ต้องช่วยกัน หาฟืนต้มน้ำ ทำน้ำย้อม เย็บผ้าทำกันเสร็จในวันเดียว มันต้องเก่งในการทำ ต้องมีฝีมือ ต้องสามัคคีไม่ยกเว้นใคร และก็ให้แก่ผู้ที่ไม่มีจีวรหรือจีวรขาด ถ้าทำอย่างนี้กฐินก็ถูกต้องตามพระพุทธประสงค์ ไม่เห็นแก่ตัวอย่างยิ่งเสียสละอย่างยิ่ง มีฝีมือด้วย
เดี๋ยวนี้เปล่าเลย ไม่มีอย่างนี้เลย กลับกลายเป็นโอกาสที่จะกินเหล้าเมายา เต้นรำสรวลเสเฮฮา รถคว่ำทีเดียวตายเป็นสิบๆ ไม่ได้ทำให้วัตถุประสงค์เดิมเหลืออยู่เป็นหลัก ระวังประเพณีชนิดนี้จะปล้นศาสนา ไปทำเป็นประเพณีขี้เมา นี้ก็ต้องระวังประเพณีที่หล่อเลี้ยงกิเลสตัณหาโดยไม่รู้สึกตัว
เป็นพุทธศาสตร์
ปีนี้อยากจะพูดเป็นสิ่งสุดท้ายว่า เป็นพุทธศาสตร์ มีพุทธศาสตร์ อย่ามีไสยศาสตร์
ไสยะแปลว่าหลับ นอนหลับ ไสยศาสตร์แปลว่าศาสตร์ของคนหลับ หลับเป็นปีๆ ไสยะน่ะ
พุทธศาสตร์ศาสตร์ของคนตื่นลืมตาแจ๋วแหววอยู่ มีพุทธศาสตร์เถิด อย่ามีไสยศาสตร์
ศาสตร์ของคนหลับเนี่ยมันไม่รู้อะไรที่ควรจะรู้ มันก็หวังพึ่งสิ่งอื่นรอบตัว หวังพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรไม่รู้ ไม่เคยคิดที่จะพึ่งตนเองพึ่งผีสางเทวดา พระเจ้า พระเจ้าไปตามเรื่องที่ไม่รู้ว่าอะไรอยู่ที่ไหน ถ้าเป็นอย่างนี้ก็เรียกว่าไสยศาสตร์ เอาความศักดิ์สิทธิ์ไปยัดเยียดให้ เสาหลักบ้าง จอมปลวกบ้าง ต้นไม้บ้าง สัตว์บ้าง อะไรบ้าง แล้วก็บูชากันอย่างนี้เป็นไสยศาสตร์
พูดไปแล้วมันกระทบกระเทือน ไสยศาสตร์มันกำลังระบาดทั่วไป เรื่องเสื้อเมืองศาลหลักเมืองอะไร มันเรื่องไสยศาสตร์ ไม่ใช่พุทธศาสตร์หรอก ไม่ได้พึ่งตนเองด้วยสติปัญญาแล้ว เป็นไสยศาสตร์ทั้งนั้นแหละ ขอให้เรามีพุทธศาสตร์แทนไสยศาสตร์
คนเอาผ้าห่มพระธาตุต้องบริสุทธิ์
อีกทีหนึ่งก็ว่าเราจะยึดหลักความจริง ไม่แสวงหาสิ่งมาแก้ตัวคำแก้ตัว ข้อแก้ตัวมันหาได้เยอะแยะไปหมดแหละ อย่าใช้และอย่าหวัง เอามาใช้แก้ตัวให้กิเลส จงมีความถูกต้อง มีความซื่อตรง ไม่ต้องแก้ตัว ยึดหลักความถูกต้องแล้วก็ไม่ต้องแก้ตัว
ถ้าเราจะเอาผ้ามาห่มพระบรมธาตุ ต้องเป็นคนบริสุทธิ์สะอาด ไม่ใช่ทำความผิดติดตัว มีปากสกปรก มีมือเท้าสกปรก แห่ผ้ามาห่มพระบรมธาตุเพื่อแก้ตัว เพื่อไล่ล้างบาป อย่างนี้เป็นไปไม่ได้ ไม่มีประโยชน์ เป็นไสยศาสตร์ไปเสียอีก ต้องเป็นคนสะอาดทั้งร่างกาย จิตใจและวาจาจึงจะเอาผ้ามาห่มพระบรมธาตุ แสดงความที่เรามีความถูกต้อง อยู่กะเนื้อกะตัว อย่าให้มันเป็นพิธีรีตอง เป็นข้อแก้ตัว ทำเป็นประเพณีสำหรับกินเหล้าเมายาไปเสียอีก อย่างนั้นไม่ถูก
ยกตัวอย่างสักอย่าง เอาผ้ามาห่มพระบรมธาตุอย่างนี้ ก็ต้องเป็นการกระทำของผู้บริสุทธิ์ ของผู้มีธรรมะ ไม่ใช่ทำความชั่วแล้วก็มาแก้ตัว โดยเอาผ้ามาห่มพระบรมธาตุ ไม่มีทางที่จะสะอาดได้ นี่เรียกว่าถือธรรมะเป็นหลักกัน แล้วมันก็ทำอย่างนี้แหละ
|