Untitled

http://www.tungsong.com



ประเวศ วะสี

วิสุทธิ์ ใบไม้

สมศักดิ์ สุขวงศ์

ฉลาดชาย รมิตานนท์

ชนวน รัตนวราหะ

ระพี สาคริก

ยศ สันตสมบัติ

ความแตกต่างระหว่างระบบนิเวศทางธรรมชาติของเขตอบอุ่นและเขตร้อน

 

ความสมดุลที่เกิดขึ้นในระบบนิเวศของป่าไม้เขตร้อน มีความหลากหลายของชนิดสิ่งมีชีวิตและความ
ซับซ้อนมากกว่าระบบนิเวศของป่าไม้ในเขตอบอุ่น ที่เป็นดังนี้ อาจจะอธิบายได้จากความเหมาะสมของสภาพอากาศที่แตกต่างกันระหว่างเขตนิเวศทั้งสองคือ ในเขตอบอุ่น มีความเปลี่ยนแปลงในสภาพอากาศของฤดูกาลอย่างมากเช่น ฤดูหนาวจะมีอากาศหนาวจัดสิ่งมีชีวิตไม่สามารถเจริญเติบโต ขยายพันธุ์ หรือมีความต่อเนื่องในการจะมีชีวิตรอดต่อไปได้ยาก ฉะนั้น สิ่งมีชีวิตในเขตนี้จึงมีน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับสภาพอากาศในเขตร้อน ซึ่งไม่มีความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในแต่ละฤดูกาลมากนัก ความต่อเนื่องของฤดูกาลที่สิ่งมีชีวิตสามารถจะเจริญเติบโต ขยายพันธุ์ ตลอดจนความอยู่รอดมีมากกว่า

 

จากปรากฏการณ์ธรรมชาตินี้เอง ที่มนุษย์ได้นำมาใช้ประยุกต์เข้ากับระบบการเกษตรโดยการลอก
เลียนแบบสภาพธรรมชาติมาเพื่อใช้ในการผลิตฉะนั้นระบบการเกษตรของประเทศในเขตอบอุ่น เช่น ในยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ฯลฯ ย่อมจะต้องแตกต่างจากระบบเกษตรในเขตร้อนเช่น ประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ลาว พม่า ฯลฯ ด้วยเหตุผลที่ว่าในเขตอบอุ่นนั้นมีช่วงระยะเวลาของความหนาวจัดในฤดูหนาวที่คัดเลือกเฉพาะชนิด (species) ของพืชและสัตว์ที่มีความทนทานต่อความหนาวเย็นให้มีชีวิตอยู่ได้เท่านั้น และช่วงดังกล่าวนี้แมลงศัตรูพืชโรคพืช และสัตว์อื่นๆ จะลดจำนวนหรือพักการขยายพันธุ์เนื่องจากความหนาวเย็นให้มีชีวิตอยู่ได้เท่านั้น และช่วงดังกล่าวนี้แมลงศัตรูพืชโรคพืชและสัตว์อื่นๆ จะลดจำนวนและลดการขยายพันธุ์ เนื่องจากความหนาวเย็น ด้วยสาเหตุนี้การเกษตรในเขตอบอุ่นจึงสามารถจะทำการเกษตรในเชิงเดี่ยว (monocultural practice) ได้โดยไม่มีปัญหาจากการระบาดของศัตรูพืชอย่างรุนแรง ส่วนระบบเกษตรในเขตร้อน เช่นของประเทศไทยนั้นสภาพอากาศมีความต่อเนื่องไม่มีช่วงใดที่จะหยุดยั้งการขยายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต ฉะนั้นสิ่งมีชีวิตจึงขยายพันธุ์อย่างต่อเนื่องมีความหลากหลายซับซ้อน เช่น สวนผลไม้ สมุนไพร นาข้าว ซึ่งปลูกอยู่ร่วมกันเป็นระบบนิเวศเกษตรที่มีความผสมผสาน (polycultural practie) ในลักษณะเช่นนี้ความสมดุลทางธรรมชาติก็จะเกิดขึ้น ศัตรูพืชและโรคพืชก็มีน้อย

 

ในปัจจุบันปัญหาเกิดขึ้นเมื่อมีผู้นำเอาวิธีการปฏิบัติโดยใช้เทคโนโลยีการลอกเลียนแบบมาจากการ
เกษตรในเขตอบอุ่น เพื่อใช้ในเขตร้อนโดยขาดความตระหนักว่า สภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน เช่น การปลูกพืชเดี่ยวทำให้ดินเสื่อมสภาพความอุดมสมบูรณ์ ศัตรูพืชเกิดระบาดมากขึ้น เพราะระบบนิเวศของการปลูกพืชเดี่ยวเอื้ออำนวยให้ศัตรูพืชเกิดระบาดมากขึ้น เพราะศัตรูธรรมชาติที่คอยควบคุมศัตรูพืชลดจำนวนลง เนื่องจากขาดพืชที่อาศัย ฉะนั้นเกษตรกรจึงจำเป็นต้องพึ่งพาการใช้ปุ๋ยเคมี การใช้ยาปราบศัตรูพืช เป็นสาเหตุทำให้เกิดการเสียสมดุลทางธรรมชาติ และต้องประสบกับปัญหาดินเสื่อมโทรม โรคและศัตรูพืชระบาดเพิ่มมากขึ้นไม่มีวันจบสิ้นและจะตองใช้สารเคมีที่มีพิษรุนแรงเพิ่มมากขึ้นต่อไป จนความเป็นพิษจะมีต่อมนุษย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

จากข้อแตกต่างระหว่างนิเวศทางธรรมชาติในเขตอบอุ่นและเขตร้อนนี้เองที่บ่งบอกให้ทราบว่าการใช้
เทคโนโลยีทางการเกษตรย่อมต้องแตกต่างกันบางท่านได้ร่ำเรียนจากสถานศึกษาของประเทศในเขตอบอุ่นหากจะได้คำนึงถึงความแตกต่างกันในสภาพแวดล้อมและปรับความรู้ของท่านมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสภาพความเป็นจริงก็จะเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาการเกษตรของประเทศอีกต่อไป

 

 
ตารางที่ 1 เปรียบเทียบความแตกต่างระบบนิเวศในเขตอบอุ่น (temperate)*
กับเขตร้อน (tropical)**
ประเด็นเปรียบเทียบ เขตอบอุ่น
temperate
เขตร้อน
tropical
1. ความหลากหลายของชนิดสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ น้อย มาก
2. ความรุนแรงของสภาพอากาศในรอบปี หนาวจัดในฤดูหนาว ไม่รุนแรง ค่อนข้างสม่ำเสมอ
3. การทำเกษตรกรรม เพาะปลูกได้เฉพาะฤดูร้อน ปลูกพืชได้ตลอดทั้งปี
4. ศัตรูพืช มีน้อยชนิดเกิดระบาดเพียงบางช่วงและชนิด มีศัตรูธรรมชาติคอยควบคุมมาก (หากไม่ทำให้เสียสมดุล)
5. ระบบเกษตรที่เหมาะสม พืชเดี่ยวแบบอุตสาหกรรม พืชผสมผสานให้เกิดความหลากหลายในระบบ

*ประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่อยู่ในเขตอบอุ่น เช่น ยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี ฯลฯ
**ประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่อยู่ในเขตร้อน เช่น ประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย พม่า ลาว เขมร ฯลฯ

หน้าแรก