http://www.tungsong.com


ประวัติศาสตร์   |    โบราณสถาน,วัตถุ  |   ศาสนา,ความเชื่อ  |   ภูมิศาสตร์   |   ชาติพันธุ์ วรรณกรรม  |   วัฒนธรรมประเพณี  |    อื่นๆ

 

บริษัท แบงค์สยามกัมมาจล ทุนจำกัด สาขาทุ่งสง

 

 

ภาพอาคารหลังปัจจุบัน

ภาพอาคารก่อนปัจจุบัน

บริษัท แบงก์สยามกัมมาจล ทุนจำกัด ได้วางรากฐานการขยายสาขาไปสู่ภูมิภาค ซึ่งภาคใต้เป็นเป็นภาคแรกที่มีการตั้งสาขาขึ้น ในวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2463 บริษัทแบงก์สยามกัมมาจล ทุนจำกัด ได้เปิดสาขาขึ้นที่อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นสาขาในเขตภูมิภาคแห่งแรกของธนาคาร ปัจจัยสู่การขยายสาขาไปยังทุ่งสงก็คือการขยายการเดินรถไฟภาคใต้ไปจนถึงทุ่งสง ทำให้มีการพัฒนาพื้นที่นี้ให้เป็นชุมชนสองข้างทางรถไฟ สถานีรถไฟทุ่งสงจึงเป็นสถานีชุมทางรถไฟที่สำคัญในภาคใต้ เพราะเป็นต้นทางแยกไป กันตัง ภูเก็ต นครศรีธรรมราช และเป็นศูนย์กลางธุรกิจโดยเฉพาะกิจการเหมืองแร่ของภาคใต้ ดังที่นายอาภรณ์ กฤษณามระ ผู้จัดการสาขาทุ่งสงได้กล่าวไว้ในหนังสือที่ระลึกวันเปิดสำนักงานใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด 19 สิงหาคม 2514 "...กิจการธนาคารที่ทุ่งสง เมื่อแรกเปิดนั้น โดยที่ทุ่งสงเป็นอำเภอซึ่งรถไฟหลวงไปสุดทางที่นั้น กิจการของเหมืองแร่ซึ่งอุดมมากในแดนนั้นมาอยู่ที่ธนาคาร ธนาคารทำกำไรได้เป็นอย่างดี..."

ที่ทำการของสาขาทุ่งสง เป็นตึกแถวสองห้องที่เช่ามาจากกรมรถไฟหลวง ลักษณะห้องทำงานของธนาคารมีเคาร์เตอร์ มีลูกกรง มีช่องรับเงิน-จ่ายเงิน นอกจากนั้นธนาคารยังมีบ้านพักเรือนไม้ใต้ถุนสูง พร้อมที่ดิน ซึ่งธนาคารซื้อต่อจากบริษัทบอร์เนียว สำหรับเป็นที่พักของผู้จัดการ ในบันทึกบางตอนของนายอาภรณ์ กล่าวถึงสถานที่ทำงานและสิ่งแวดล้อมทางกายภาพไว้ดังนี้ "...ที่ทำการคือตึกแถว 2 ห้อง ซึ่งธนาคารเช่าจากกรมรถไฟหลวง และบ้านพักเรือนไม้ใต้ถุนสูงพร้อมที่ดิน ซึ่งธนาคารซื้อจากบริษัทให้เป็นที่พักของผู้จัดการสาขาที่ทุ่งสงนั้น ธนาคารได้เช่าตึกแถวอยู่ 2 ห้องด้วยกัน ตึกแถวนั้นยังอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้ มีผู้ประกอบการค้าที่นั่น อยู่ติดกับธนาคาร 2 ห้างด้วยกัน ห้างหนึ่งคือ ยิบอินซอย อีกห้างหนึ่งคือ บั้นทินหลำ ห้องทำงานของธนาคารเป็นอย่างที่เรียกว่าพอใช้การได้ มีเคาร์เตอร์ มีลูกกรง มีช่องรับเงิน-จ่ายเงิน ตอนที่จะไป ผมรู้สึกภูมิใจอย่างยิ่ง แต่เมื่อไปถึงเข้าแล้ว แลดูสภาพก็ยังคงพอใจอยู่นั่นเองที่ผมได้ถูกเรียกว่า "เสมียนห้าง" เพราะว่าตัวผู้จัดการสาขา ซึ่งขณะนั้นเรียกกันว่า "เอเย่นต์" อยู่ใต้บันไดเกือบจะไม่มีที่ๆ จะกระดิกตัวไปไหนได้เลย เพราะว่าจะต้องนั่งคุมบานประตูห้องเก็บเงินอยู่ตลอดเวลา สภาพเช่นนี้ท่านคงจะวาดภาพได้เองว่าการนั่งทำงานอยู่ใต้บันไดนั้นมีความรู้สึกประการใด ความภูมิใจย่อมไม่มีเป็นแน่

ส่วนบ้านที่ให้อยู่นั้น มองข้างนอกใหญ่โต เข้าไปข้างในก็ใหญ่โต เป็นเรือนใต้ถุนสูง แต่ละห้องใหญ่มาก แต่ไม่มีสี มองไปทางไหนมีแต่กะดำกะด่าง เพราะใช้น้ำมันดินทากันปลวก

ห้องนอนนั้นใช้มุ้งอย่างแบบก่อนๆ นี้เพียงแต่ว่าเป็นมุ้ง ซึ่งเกือบจะไม่ได้ผึ่งแดดเลย แต่เมื่อนึกถึงฐานะของตนเองแล้ว เห็นว่าเหมาะสม

นายอาภรณ์ กฤษณามระ ยังได้กล่าวถึงการปฏิบัติงานหน้าที่ไว้ว่า "...ที่นี้ผมจะพูดถึงการปฏิบัติหน้าที่บางอย่าง โดยมากเงินสด ที่มีสำหรับใช้จ่ายที่ทุ่งสงไม่พอเพียง จำเป็นต้องของเงินสดจากกรุงเทพฯ ซึ่งสำนักงานใหญ่ ได้ส่งไปโดยทางไปรษณีย์ตอนที่ไปรับเงินจากไปรษณีย์นี้ดูๆ เป็นที่น่าตื่นเต้น ผมยังเสียดายที่มีมีโอกาสให้คนถ่ายภาพไว้ เจ้าหน้าที่ของเรามีอยู่ 4 คน ด้วยกัน คือ ตัวผมเอง หัวหน้าเสมียนคนหนึ่ง (แต่ว่าหัวหน้าเสมียนไม่มีเสมียนลูกน้อง ตัวเองเป็นทั้งหัวหน้าและลูกน้อง)  พนักงานรับใช้คนหนึ่ง และยามคนหนึ่ง ซึ่งในสมัยก่อนนี้ยามเราใช้แขก  เมื่อถึงเวลาไปรับเงินจำเป็นต้องปิดธนาคารชั่วคราว และในขณะเดียวกันได้ขอร้องให้ยิบอินซอยและบั้นทินหลำ ช่วยดูแลสำนักงานของสาขาไว้ด้วย แล้วก็ตรงไปยังไปรษณีย์ขอรับเงินที่ส่งมานั้น การเดินทางไปรับ  เงินสดนี้น่าดูมาก แขกยามถือพลองนำหน้า พนักงานเอาถุงใส่ธนบัตรพาดไหล่เดินตามหัวหน้าเสมียน และผมเดินเป็นอันดับสุดท้าย การอยู่หัวเมืองโดยมากมักจะถือไม้เท้ากัน ผมเองก็ถือไม้เท้าเป็นอาวุธ ป้องกันเดินตามหลัง การเดินทางกลับนั้น ถึงแม้จะไม่สู้ไกลนัก แต่ถ้ามีคนมาคอยดูก็อุ่นใจ เพราะว่าปลอดภัยแน่ แต่ถ้าตอนไหนไม่มีคนอยู่ ใจคอไม่สู้ดีเหมือนกัน ภาพเดินนี้ถ้ามานึกเทียบกับสมัยปัจจุบันแล้ว คงจะเป็นภาพประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน..."

ในเวลาต่อมา ภายหลังเปิดบริการได้สิบกว่าปี กรมรถไฟหลวงได้เปิดเส้นทางสายใต้ขยายการเดินทางต่อไปถึงอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา รวมทั้งได้ขยายไปเชื่อมกับหัวเมืองมลายู ทำให้ปริมาณธุรกิจและการค้าขายที่ทุ่งสงลดลงตามลำดับ ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2475 คณะกรรมการอำนวยการบริษัท แบงก์สยามกัมมาจล ทุนจำกัด จึงได้มีมติให้ปิดสาขาทุ่งสงในปีนั้น ซึ่งนายอาภรณ์ กฤษณามระ ได้รับแต่งตั้งให้ไปเป็นผู้จัดการการสาขาทุ่งสง ได้รับคำสั่งให้ทำหน้าที่ปิดสาขานั้นได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า "...แต่ก่อนมารถไฟได้ขยายเส้นทางเดินไปจนถึงปาดังเบซาร์เชื่อมกับมลายู เมื่อผมไปรับหน้าที่ ณ สาขานั้นงานเกือบไม่มี เพราะเมื่อมีรถไฟแล้วคนแทนที่จะมาที่ทุ่งสงก็มักจะเลยไปมลายู ดังนั้น เมื่อผมไปอยู่ที่นั้นต้องทำหน้าที่เลิกสาขานั้นตามคำสั่งที่ได้รับไปจากกรุงเทพฯ..."