![]() |
หลินจือ หมายถึง ผู้มีปัญญาทรงอำนาจ หมอลีซิหยง ในราชวงศ์หมิง ได้บันทึกไว้ในคัมภีร์ยาบานเชากังมู "Great Pharmacopoeia" ไว้ว่าหากได้กินหลินจือ ติดต่อกันนาน ๆ จะทำให้ร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ อายุยืน
วิธีรับประทานหลินจือ มีประวัติมากมาย ในการหาวิธีที่จะให้ได้ประโยชน์มากที่สุดในการรับประทานหลินจือ วิธีแรก ไม่ผ่านกรรมวิธีใด ๆ เชื่อว่าดอกและรากที่ตากแห้งนำมาบดให้ละเอียด กินครั้งละ 2-5 กรัม ประมาณ 1 ช้อนชา ผสมน้ำเปล่า น้ำหวาน น้ำผึ้ง น้ำผลไม้ ฯลฯ หรือบรรจุแค็ปซูลขนาด 500 มก. กินครั้งละ 4 แค็ปซูล วิธีที่ 2 ดอกและรากที่ตากแห้งแล้วมาฝานตามขวางเป็นชิ้นบาง ๆ 2-5 กรัม ประมาณ 5-10 ชิ้นนำมาต้มให้เดือดในน้ำ 1 ลิตร เดือด 15-30 นาที (เพื่อให้สปอร์ซึ่งมีอินทรียสารบำรุงหัวใจ แตกตัว สารที่มีโมเลกุลใหญ่ย่อยตัวเล็กลง ดูดซึมได้ดีขึ้น) หลังจากนั้นเคี่ยวให้น้ำลดลง 1/2 เป็นอย่างน้อย ดื่มน้ำต้มทั้งวัน วันต่อไปเติมน้ำเติมหลินจือเพิ่มลงไปต้มแบบเดิมจนหมดรสขม ใช้คุ้มค่าแต่เปลืองพลังงานมาก วิธีที่ 3 นำผงที่ตากแห้งบดละเอียดแล้ว มาชงกับน้ำร้อนเหมือนน้ำชา 5-10 นาที ดื่มได้ทันที ครั้งละครึ่งช้อนชา (2 กรัม) วันละ 3-5 ครั้ง วิธีที่ 4 น้ำ ดอก และราก ที่ตากแห้งแล้วฝานบางๆ เป็นชิ้นเล็ก ๆ มาดองเหล้าขาว เหล้าองุ่น ไวน์ แล้วรับประทานน้ำเหล้าดอง 2-10 กรัม (1-2 ช้อนชา) ต่อวัน วิธีที่ 5 นำผงบดตากแห้งมาสกัดด้วยน้ำที่เย็นจัด เชื่อว่าสารบางตัวถูกทำลายด้วยความร้อน ขนาดรับประทาน หลินจือมีรสขม ขนาดมากน้อยจัดให้เหมาะได้ หลินจือชนิดผง 1-10 กรัม หรือน้ำสกัดหลินจือ 2-3 ช้อนชา (500-900 มก.) ของสารละลายเข้มข้นในน้ำสกัดหลินจือ นำมาผสมน้ำส้มคั้น น้ำมะนาวก็ได้ขนาดมากน้อย ยังไม่มีรายงานว่ามีผลข้างเคียงแทรกซ้อนใด ๆ เลย หลินจือ มีผลต่อระบบประสาท ส่วนที่เป็นก้านคล้ายรากมีผลต่อระบบประสาทมากกว่าดอก ลดความเครียดได้โดยไม่ทำให้ง่วง ในการศึกษาใช้กับโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer) กินติดต่อกัน 8 เดือนอาการดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในจีนและญี่ปุ่นหมอสมุนไพรใช้หลินจือกับผู้ป่วยที่นอนหลับยาก สามารถใช้ติดต่อกันนานๆ มีสารช่วยให้นอนหลับง่าย โดยช่วยส่งเสริมให้เกิดคลื่นชนิดช้าในสมองได้มากขึ้นได้ขนาดตามธรรมชาติ ในผู้ป่วยทางจิต คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลียจากส่วนประสาทสัมพันธ์กล้ามเนื้อที่ตึงเครียด หลินจือช่วยลดความตึงเครียด และลดอาการปวดต่างๆ ได้ดีแต่ไม่กดประสาท จึงไม่ง่วงนอน หลินจือ บำรุงหัวใจ หลายร้อยปีมาแล้วที่ใช้หลินจือในคนเจ็บแน่นหน้าอกที่เกิดจากความเครียด และในผู้ป่วยที่เป็นโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน(Angina) การวิจัยในจีนพบว่า หลินจือ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือดหัวใจ (Coronary bloodflow) และลดความต้องการใช้ออกซิเเจน (Oxygen concumtion)ของกล้ามเนื้อหัวใจ การวิจัยในญี่ปุ่น พบว่าหลินจือมีกรดกาโนดีริก (Ganoderic acid) ซึ่งเป็นสารกลุ่มไตรเทอร์ปีน(Triterpenes) ช่วยลดไขมัน(Cholesterol) ลดความดันโลหิต ยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเม็ดเลือดป้องกันการแข็งตัวของเม็ดเลือดในเส้นเลือด การวิจัยในจีนและญีปุ่นพบว่า 47.5% ของคนไข้ความดันสูง 53 คน 6 เดือน หลังจากให้สารสกัดของหลินจือ ความดันลดลง 10-19 มม. ปรอท และพบ 10% ความดันลดลง 20-29 มม. ปรอท ทั้ง systolic/diastolic และ 68% ของผู้ป่วย 90 คน ไขมัน LDL Lipoprotein ลดลงหลังจากได้รับสารสกัดหลินจือ 4 เดือน การวิจัยในรัสเซีย พบว่าหลินจือช่วยยับยั้งการก่อตัวของเพล็ก(plaque) ที่เกิดจากการรวมตัวของไขมันโคเลสเตอรอลจับกับแคลเซี่ยม และเม็ดเลือดขาวที่กำลังสลายตัว เข้าไปแทรกตัวในผนังหลอดเลือดแดงทำให้ตีบลงเลือดไหลเวียนได้น้อยลงต่อไปเกิดเส้นเลือดแข็งตัว หลินจือ กับการต่อต้านมะเร็ง การศึกษาในญี่ปุ่น เกาหลี ปี ค.ศ.1986 ดร.ฟู กุ มิ มอริชิเกะได้วิจัยผู้ป่วยหญิงอายุ 38 ปี ในสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ไลนัส เพาลิง ซึ่งป่วยด้วยโรคมะเร็งปอดระยะลุกลามไปแล้วได้รับการปฎิเสธการรักษาผ่าตัดแล้วจาก 3 โรงพยาบาล เธอจึงหมดหวังกลับบ้าน สามีของเธอจึงเข้าไปในป่าเพื่อหาหลินจือมาชงเป็นชาให้ดื่มตลอด 6 เดือน จนกระทั้งเธอได้มาหา ดร.มอริชิเกะให้รักษาต่อให้ แต่หมอต้องประหลาดใจในเอ็กซ์เรย์ที่ก้อนเนื้อร้ายไม่โตขึ้นและกลับจางลงกลายไปเป็นก้อนเนื้องอกธรรมดาไม่ใช่มะเร็งอีกแล้ว สิ่งนี้เป็นแรงกระตุ้นให้ทำการศึกษาหลินจือว่ามีผลต่อการต่อต้านมะเร็งอย่างไรเขาได้พบสารบีต้า-ดี-กลูแคน (Beta-D-glucan) ซึ่งเป็นโพลี่แซคคาไรด์(Polysaccharide) คือสารประกอบของน้ำตาลลโมเลกุลเล็ก ๆ เชื่อมต่อเป็นลูกโซ่กับกรดอะมิโน (Amino acid) ลูกโซ่น้ำตาลนี้กระตุ้น(Stimulate or modulate) ระบบภูมิต้านทาน,เซลล์ต้านทาน เช่น มาโครฟาจ (Macrophage) ทีเซลล์ (T-cells) และช่วยเพิ่มอิมมูโน โกลบิน(Immunoglobins) คือแอนติบอดี้ (Specific anti-bodies) สารต่อต้านพิเศษต่อสิ่งแปลกปลอมจุลินทรีย์ ไวรัสและเซลล์มะเร็งที่ค้นพบสำคัญอีกอย่างคือประสิทธิภาพของหลินจือเพิ่มขึ้นเมื่อไวตามินซีหรือน้ำมะนาวร่วมด้วยเพราะไปช่วยแยกลูกโซ่ใหญ่ ๆ ให้เล็กลงเป็นโอลิโกกลูแคน (Oligoglucan) ทำให้ดูดซึมได้ดีขึ้น ช่วยเร่งฤทธิ์ต่อต้านมะเร็งได้เร็วขึ้น หลินจือต่อต้านการอักเสบและภูมิแพ้ ปี 1970 ถึง 1980 จีนและญี่ปุ่นได้ทำการวิจัยโรคภูมิแพ้โดยใช้สารสกัดจากหลินจือ ได้ผลว่าสามารถยับยั้งภูมิแพ้ได้หมดทุกชนิดคือ หอบหืด (Asthma) ภูมิแพ้สารที่ผิวหนังสัมผัส (Contact dermatitis) ในปี 1990 มหาวิทยาลัยเท็กซัสศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ ในซาน แอนโตนิโอได้พบว่าหลินจือมีผลในการรักษาโรคคอแข็ง (Stiff neck) โรคหัวไหล่ติด (Stiff shoulder) โรคเยื่อตาอักเสบ(Conjunctivitis) จากการอักเสบของเยื่ออ่อนรอบลูกตา&เปลือกตา โรคหลอดลมอักเสบ โรครูมาติซั่ม และยังสามารถเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคได้ดีในการลดการอักเสบ หลินจือเพิ่มความสามารถของเลือดในการกำจัดอนุมูลอิสระของสารประกอบ (free radical scavenging) โดยเฉพาะในการกำจัดอนุมูลอันตรายกลุ่มไฮดร็อกซิล(Harmful hydroxyl radicals) ผลของการกำจัดอนุมูลอิสระยังคงอยู่ในเลือด แม้ว่าหลินจือจะถูกย่อยสลายไปแล้วก็ตาม การรักษา และฟื้นฟูตับ หลินจือถูกใช้ในการรักษาโรคตับอักเสบเรื้อรังโดยให้รับประทานนาน 2 ถึง 15 สัปดาห์ ให้ผลได้ดีถึง 70.7% ถึง 98.0% สารสกัดหลินจือมีผลช่วยในการรักษาโรคตับล้มเหลว ตับวาย(Liver Failure) และได้มีการทดลองฉีดคาร์บอนเตตตราคลอไรด์ให้หนูเป็นโรคตับอักเสบจนเนื้อตับถูกทำลาย โดยให้สารสกัดหลินจือติดต่อกัน ผลมีการยับยั้งการทำลายตับอย่างมีนัยสำคัญและยังเสริมสร้างให้มีการฟื้นตัว (Regeneration) ของเซลล์ตับได้ด้วย การพยายามใช้หลินจือรักษาโรคต่าง ๆ ในปัจจุบันเนื่องจากเป็น Medicine of Kings มีการพยายามใช้หลินจือเพื่อรักษาโรคภายในและภายนอกทุกระบบ เช่น ในการลดการปวดจากโรคไขข้ออักเสบ (Arthritis) อาการวิตกกังวลในภาวะหมดประจำเดือน หอบหืดจากการแพ้ (Allergic asthma) หลอดลมอักเสบ (ฺBronchitis) ความดันโลหิตสูง (Hypertension) โรคเบาหวาน (Diabetes mellitus) โรคต่อมไทรอยด์บกพร่อง (Hypothyroidism) โรคประสาทเครียด วิตกกังวล นอนไม่หลับ ระบบไหลเวียนเลือด หลอดเลือดหัวใจตีบตัน ภาวะกลุ่มอาการภูมิต้านทานโรคบกพร่อง (Immune dysfunction syndrome) เช่นกลุ่มอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง (Chronic fatigue syndrome) การรับประทาน หลินจือต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ จึงจะเริ่มเห็นผล และอาจต้องกินนาน 1 เดือน ถึง 6 เดือน หรือ 1 ปี จึงจะหายขาด และยังไม่มีรายงานผลข้างเคียง โครงการจุฬาภรณ์ได้สนับสนุนให้มีการจัดหาพันธุ์เห็ดหลินจือสายพันธุ์ที่ให้ตัวยารักษาและเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง นำมาเพาะเลี้ยงได้มาก จนทำให้ราคาของหลินจือลดลงจากเดิมเพียงพอที่จะให้คนไทยมีโอกาสได้บริโภคหลินจือซึ่งเป็นอาหารเสริมให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานโรคร้าย หายจากโรคเรื้อรัง โดยวิถีแห่งธรรมชาติ ปราศจากอาการแทรกซ้อนต่ออวัยวะต่างๆจากสารเคมีสังเคราะห์ที่มาจากต่างประเทศ สมทบทุนงานวิจัยแพทย์แผนไทยทุ่งสง ขวดละ 200 บาท |
![]() |