|  | |
|  | |
| ชื่อท้องถิ่น | กระเจี๊ยบแดง, กระเจี๊ยบเปรี้ยว(ภาคกลาง), ผักเก็งเค็ง, ส้มพอเหมาะ, ส้มเก็งเค็ง(ภาคเหนือ), แกงแดง, ส้มตะเลงเครง, ส้มปู | 
| ชื่อวิทยาศาสตร์ | Hibiscus Sabdariffa Linn. | 
| วงศ์ | MALVACEAE | 
| ชื่อสามัญ | Roselle, Jamaican Sorrel | 
| ลักษณะ | เป็นพืชล้มลุก อายุเกินหนึ่งปี เป็นไม้พุ่มสูง 50-180 ซม.ลำต้นและกิ่งก้านมีสีแดงอมม่วง ใบเดี่ยวออกสลับกัน ตัวใบเว้าเป็นแฉกคล้ายนิ้วมือ 3-5 แฉก ดอกเดี่ยวขนาดใหญ่ ดอกออกตรงซอกระหว่างใบและกิ่ง กลีบดอกสีเหลืองอ่อนหรือสีชมพู เมื่อกลีบดอกร่วงกลีบเลี้ยงจะขยายใหญ่ กลีบหนา แข็ง สีแดงอมม่วง มีรสเปรี้ยว ผลสีแดง รูปไข่ ปลายแหลม มีขน มีกลีบเลี้ยงและใบประดับหุ้มอยู่ ผลเมื่อแก่จะแห้งและแตก | 
| การขยายพันธุ์ | ใช้เมล็ดปลูกห่างกันครึ่งเมตร | 
| ส่วนที่นำมาเป็นยา | ใบประดับ และกลีบเลี้ยง กลีบรองดอก ใบ | 
| สารเคมีและสารอาหารที่สำคัญ | กลีบเลี้ยงมีสีแดง ซึ่งเป็นสารแอนโทไซยานิน (anthocyanin) ยอดอ่อนและกลีบเลี้ยงประกอบด้วยกรดอินทรีย์หลายชนิด | 
| สรรพคุณทางยา และวิธีใช้ |  ขับปัสสาวะ   :   นำกลีบเลี้ยงแห้งบดเป็นผง ชงเป็นชา ดื่มวันละ 3 ครั้ง  ครั้งละ 1 ช้อนชา (3 กรัม) กับน้ำ 1 แก้ว (250 ซีซี)  แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ป้องกันการจับตัวของไขมันในเส้นเลือด :    ใช้กลีบรองดอกและกลีบเลี้ยง นำไปต้มกับน้ำ เติมน้ำตาลขนาดพอเหมาะ ดื่มเป็นประจำ  แก้ไอ ขับเสมหะ   :   รับประทานใบและยอดอ่อน | 
| ข้อระวัง | จากการทดลองมีรายงานแสดงผลว่าการดื่มน้ำกระเจี๊ยบมีการขับกรดยูริคออกมาในปัสสาวะลดลง จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเก๊าส์ซึ่งมีปริมาณกรดยูริคในเลือดสูง และต้องขับออกมาให้มากที่สุดเพื่อไม่ให้ตกตะกอนในร่างกาย | 
|  |  | กระชาย | ||