|
1. ประเภทลายแทง ผู้ที่จะแก้ได้ต้องเป็นผู้ที่มีสติปัญญา คนธรรมดาคิดไม่ได้ว่าจะเป็นเช่นนั้น |
ดังตัวอย่าง |
|
|
1.1 ยายทองคำกำสากเบือตำหมาก มีผู้ผวนหรือแปลว่ายายทองคำ ยายกำทอง จึงใช้ไม้ทุบ |
สากเบือ ทองอยู่ในจริงๆ ผู้นั้นได้ทองไป ถือว่าแก้ลายแทงได้ |
|
|
1.2 มีภาพปั้นเป็นรูปคน มีบ่อน้ำอยู่ด้วย เรียกว่าบ่อคัน เมื่อมีผู้ผวนกลับเป็นบั่นคอ ทุบต้นคอของ |
รูปปั้นมีทองอยู่ข้างในถือว่าผู้นั้นแก้ลายแทงได้ |
|
2. ประเภทปริศนาคำทาย ผู้ทายบอกเป็นคำผวนดังตัวอย่าง |
|
|
2.1 โบสถ์ไหน คำตอบ ใบโหนด |
|
|
2.2 สองหนำสามหนำเข้าหนำเดียว คำตอบ เหนียวดำ |
|
|
2.3 คาบหัน คำตอบ คันหาบ |
|
|
2.4 ผูดกัก ผาดกัก ผีชัก จอมหัน คำตอบ ผักกูด ผักกาด ผักชี จันทน์หอม |
|
|
2.5 ลูกกินใบ คำตอบ ลูกไก (ไก่) บิน |
|
|
2.6 นกบาหลิน เกาะอยู่บางทน เห็นคามน บินไปหัวตก คำตอบ นกบินหลา เกาะอยู่บนทาง เห็นคนมาบินไปหกตัว |
|
3. ประเภทปริศนาคำทาย แต่ผู้ทายต้องตอบเป็นคำผวน ดังตัวอย่าง |
|
|
3.1 บ้านไหนที่หญิงสาวไม่ควรไป คำตอบบ้านดอนยอ |
|
|
3.2 วัดไหนคนชอบไปอาบน้ำกันมาก คำตอบ วัดป่าตอ |
|
|
3.3 พืชอะไรไม่ควรนำไปผึ่งแดด คำตอบ สะตอ |
|
|
3.4 ผู้ชายคนนั้นชื่ออะไร ถ้ามาขอลูกสาวพ่อแม่ไม่ควรยกให้ คำตอบแดง |
|
|
3.5 ชื่อใดไม่ควรตั้งชื่อลูกเป็นอัปมงคล คำตอบ สี |
|
|
3.6 ชอบวัวหางด้วนหรือหางดี คำตอบ วัวหางดี |
|
|
3.7 อยากเป็นคนหูหนักหรือหูดี คำตอบ หูดี |
|
4. ประเภทปริศนาคำทาย แต่เป็นคำผวนที่ชวนให้ผู้ตอบต้องมีปฏิภาณไหวพริบแก้ตัวได้ทันที |
ชวนให้ผู้ฟังเกิดอารมณ์ขัน ตัวอย่าง นายขวัญเมืองเล่นคำผวนกับนายสะหม้อ |
|
|
|
ขวัญเมือง |
: |
ไปยะลา |
|
|
สะหม้อ |
: |
ปายะไล |
|
|
ขวัญเมือง |
: |
ไปจะนะ |
|
|
สะหม้อ |
: |
ปะจะไหน |
|
|
ขวัญเมือง |
: |
ไปสะเดา |
|
|
สะหม้อ |
: |
เปาสะได |
|
|
ขวัญเมือง |
: |
ไปปัตตานี |
|
|
สะหม้อ |
: |
ปีปัดตะไน |
|
|
ขวัญเมือง |
: |
ไปหัวเขา |
|
|
สะหม้อ รู้ทันก็เลี่ยงไปว่า "กะกูไปเรือเสียแล้" หัวเขาอยู่คนละฟากกับตัวเมืองสงขลาการไป |
มาต้องโดยสารเรือเป็นคำตอบที่สมเหตุสมผล ไม่ผวนคำ ผู้ฟังยกย่องว่านายสะหม้อเป็นคนฉลาด |
|
|
5. ประเภทปริศนาคำทาย เป็นคำผวนที่ทำให้ผู้ตอบตกหลุมพรางโดยไม่ทันคิด นายหนูนุ้ยกับนายเท่ง |
เป็นตัวตลกเอกของหนังตะลุงทุกคณะเล่นคำผวนกันเรื่องเข่ง นายหนูนุ้ย พูดคำผวนให้นายเท่งเป็นฝ่ายแก้ |
|
|
|
หนูนุ้ย |
: |
ขุ่นยี่เป้ง |
|
|
เท่ง |
: |
เข้ง (เข่ง) ญี่ปุ่น |
|
|
หนูนุ้ย |
: |
กั่งฝ้าเหร้ง |
|
|
เท่ง |
: |
เข้งฝรั่ง |
|
|
หนูนุ้ย |
: |
ขิดอังเกร้ง |
|
|
เท่ง |
: |
เข้งอังกฤษ |
|
|
หนูนุ้ย |
: |
ขั้นเยอระเมง |
|
|
เท่ง |
: |
เข้งเยอระมัน |
|
|
หนูนุ้ย |
: |
ข้วนเยง |
|
|
เท่ง |
: |
เข้งญวน |
|
|
หนูนุ้ย |
: |
ข้าวเลง |
|
|
เท่ง |
: |
เข้งลาว |
|
|
หนูนุ้ย |
: |
เข้งกี้ |
|
|
เท่ง |
: |
ขี้เก้ง (ถ่ายอุจจาระแล้วไม่ชำระ) |
|
หนูนุ้ย |
: |
เข้งไอไท |
|
|
เท่ง |
: |
ไขไอ้เท่ง (เท่งกำลังตอบด้วยความมันจึงเผลอตอบไปโดยไม่ทันคิด คือตอบเข้าตัวเองคนดูชอบใจหัวเราะ ไข หมายถึงอวัยวะของผู้ชาย) |
|
|
หนังตะลุง ชอบใช้คำผวนชนิดตรงไปตรงมา คนดูมักประมาณว่าพูดจาหยาบโลน หนังบางคณะ |
ใช้คำผวน แต่รู้จักให้เหตุผล เช่นฤาษีให้นายเท่งอ่านหนังสือนางแตงอ่อน ว่านายเท่งอ่านออกแล้วหรือไม่ นายเท่งอ่านไม่คล่อง ตะกุกตะกัก อ่านคาบวรรคว่า"นางแตงแดด อ่อนๆ ไปเก็บผัก" ฤาษีแนะนำว่าอย่าอ่านคาบวรรค แนะนำให้อ่านว่า
นางแดง แดดอ่อนๆ ไปเก็บผัก" คนดูหัวเราะ เพราะสมเหตุสมผล คนที่อ่านหนังสือไม่คล่องมักจะอ่านคาบวรรค |
|
6. ประเภทคำผวน แต่อีกฝ่ายหนึ่งหลีกเลี่ยงไปใช้คำอื่นแทน กลายเป็นไม่หยาบโลน ส่วนมากโนรา |
ชอบนำมาใช้ในการทำบท ดังตัวอย่าง |
|
|
คนที่ 1 ทำปีปิดหิ้ง |
: |
คนที่ 2 ทำปิ้งปิดไซ |
|
คนที่ 1 ทำท่าฉีหีก |
: |
คนที่ 2 ฉีกปีกโลกไก (ลูกไก่) |
|
คนที่ 1 ทำท่าฉ้อเด้ง |
: |
คนที่ 2 เฉ้งกลักขีดไฟ |
|
คนที่ 1 มักเป็นพรานตัวตลก |
: |
คนที่ 2 มักเป็นตัวนายโรงต่อคำที่ไม่เป็นคำผวนกลับใจคนดู ถือว่าเป็นศิลปะ |
|
|
7. ประเภทคำผวน ที่ผูกแต่งเป็นกลอนสุภาพ ไม่ว่าจะเป็นกลอนหนังตะลุง กลอนโนรา ทั้งเป็นกลอน |
สั้นๆ และเป็นเรื่องราวหรือเป็นนิยาย ดังตัวอย่างกลอนของ นายฉิ้ว ทิพย์วารี นักแต่งกลอนชื่อดังของจังหวัดสงขลา |
|
|
|
"ยามว่างว่างพลางฆ่าเวลาว่าง |
|
|
แดดบางบางลมเบาเบาเกลาสมอง |
|
|
เลือก "สรรคำ" ที่ "สำคัญ" ประพันธ์กรอง |
|
|
ตามครรลอง "ตารำ" เจ้า "ตำรา" |
|
|
เห็น "สมควร" "สวนคม" แทนลมปาก |
|
|
ถึงแสนยาก "หาสรร" เพื่อ "หรรษา" |
|
|
ให้สดชื่นรื่นรสพจนา |
|
|
เขียนนำมาฝากมิตรพอติดมือ |
|
|
อันชมรมเห็นสมชอบจึงมอบหมาย |
|
|
เหมือนมอบให้อาวุธได้ยุดถือ |
|
|
ช่วย "เกลาขัด" "ปัดเขลา" ให้เขาถือ |
|
|
ได้ฝากชื่อ "สายชม" ว่า "สมชาย" |
|
|
|
นับเวลาร้อยกว่าปีมาแล้ว มีชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชไม่ปรากฎชื่อ ได้ใช้ความอุตสาหะวิริยะ |
แต่งกลอนสุภาพเป็นคำผวนเรื่องยาวหรือที่เรียกว่านิยาย เขาเป็นคนแรกของชาวภาคใต้และของประเทศไทย ที่แต่งกลอนคำผวนเป็นนิยายได้ยาวที่สุด เป็นวรรณกรรมพื้นบ้านเรื่องแรก ที่แต่งได้แปลกแหวกแนว และเป็นต้นแบบการใช้คำผวน
ของคนรุ่นหลัง คนส่วนมากหาว่าหยาบโลนต่ำช้า ไม่มีใครกล้าจัดพิมพ์ออกแบบเผยแพร่กลัวว่าผิดพระราชบัญญัติการพิมพ์ เข้าลักษณะลามกอนาจารแท้ที่จริงไม่มีคำใดกล่าวถึงเรื่องเพศต่างๆ เลย ผู้มีแอบพิมพ์โรเนียว แจกกันในหมู่เพื่อนฝูง ทุกคนยกให้ว่าผู้แต่งเป็นยอดแห่งปัญญา ตั้งชื่อเรื่องนี้ว่า "สรรพลีหวน" ได้เขียนคำนำไว้หน้าปกว่า |
|
|
|
"สรรพลีหวนควรอ่านตามบ้านร้าง |
|
|
หนำหรือข้างคลองทะเลนอกเคหา |
|
|
จะดีร้ายปลายคำเป็นธรรมดา |
|
|
นอกภาษานิทานอ่านอย่าแปล |
|
|
เหมือนแบบเก่าเอาชื่อถือเป็นหลัก |
|
|
ถึงที่รักก็ให้เฉยอย่าเผยแผ่ |
|
|
ให้อภัยบ่าวสาวหนุ่มเฒ่าแก่ |
|
|
ผึ่งขึ้นแลหยิบอ่านสำราญเอย" |
|
|
|
แสดงถึงผู้แต่งเรื่องสรรพลี้หวน เป็นคนสุภาพเรียบร้อย มีจิตใจสูงส่ง เขาได้วิงวอนขอร้องไว้เป็นพิเศษ |
อ่านแล้วอย่าแปลหรือผวนคำ จะไม่เป็นการหยาบโลนแต่อย่างใด เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติของกวีผู้แต่งเรื่องนี้ ขอยกตัวอย่างให้เห็นพอเป็นสังเขป |
|
|
|
"นัครังยังมีเท่าผีแหน |
|
|
กว้างยาวแสนหนึ่งคืบสืบยศฐา |
|
|
เมืองห้างกวีสีหับระยับตา |
|
|
พันหญ้าคาปูรากเป็นฉากบัง |
|
|
สูงพอดียีหิบพอหยิบติด |
|
|
ทองอังกฤษสลับสีด้วยหนีหัง |
|
|
กำแพงมีรีหายไว้ขอดัง |
|
|
เจ้าจอมวังพระราโชท้าวโคตวย" |
|
|
|
จ.ส.ต.ปลอด สายแก้ว ข้าราชการบำนาญ นักแต่งกลอนชื่อดังชาวจังหวัดพัทลุง ได้รวบรวมคำผวน |
จำนวน 400 คำ คำผวนของท่านมีลักษณะเป็นพิเศษ คือมีความหมายทั้งคำหน้าและคำหลัง ผวนแล้วไม่เป็นคำหยาบโลน แต่งเป็นกลอนสุภาพร้อยสัมผัสกันตลอดทั้ง 400 คำ แม้ไม่เป็นนิยายเหมือนสรรพลีห้วน แต่ขยายความหมายของคำไว้ชัดเจน แต่งได้สละสลวยไพเราะเพราะพริ้ง
จ.ส.ต.ปลอด สายแก้ว เป็นคนที่ 2 ของภาคใต้ที่แต่งกลอนคำผวนได้อย่างยืดยาว ขอยกตัวอย่างเฉพาะคำบางคำ ดังต่อไปนี้ |
|
|
ตักน้อง,ต้องนัก |
"เพราะพี่รักตักน้องอยากต้องนัก |
|
|
เธอก้มพักตร์ห้ามว่าอย่าซุกซน" |
|
นายล้ำ,น้ำลาย |
"พบเพื่อนชายนายล้ำบ้าน้ำลาย |
|
|
พูดบรรยายเหลือเฟือเพื่อนเบื่อฟัง" |
|
อำนวย,อวยนำ |
"ขออำนวยอวยนำคำสรรเสริญ |
|
|
ขอเจริญพ้นทุกข์เป็นสุขสันต์" |
|
เพียรรัก,พักเรียน |
"อย่าเพียรรักพักเรียนเพียรศึกษา |
|
|
หาวิชาให้ชำนาญเถิดหลานขวัญ" |
|
ง้างคัด,งัดค้าง |
"อย่าง้างคัดงัดค้างแรงช้างสาร |
|
|
คำโบราณท่องทักอย่าหักโหม" |
|
สาวเหนือ,เสือหนาว |
"เจอสาวเหนือเสือหนาวแรกคราวหนุ่ม |
|
|
รักชวนลุ่มหลงสนิทแต่ผิดหวัง" |
|
รักพอ,รอพัก |
"เมื่อรักพอรอพักเสียสักหน่อย |
|
|
รักบ่อยบ่อยอื้อฉาวจนคาวหู" |
|
สาวรัก,สักราว |
"เจอสาวรักสักราวสิบเก้าศก |
|
|
จะนอนกกคืนละครั้งก็ยังไหว" |
|
ลองทาย,ลายทอง |
"คุณลองทายลายทองแผ่นล่องชาด |
|
|
ใครช่างวาดพริ้มเพริศงามเฉิดฉัน" |
|
ช่างทอง,ช่องทาง |
"เป็นช่างทองช่องทางเปิดห้างร้าน |
|
|
ขยายการกิจกรรมทำโตใหญ่" |
|
|
|
คำผวนเป็นลักษณะโดดเด่นของภาษาไทย ซึ่งไม่มีในภาษาของชาติอื่นใด คำผวนช่วยให้รู้จักใช้คำ |
คล้องจอง ช่วยให้เกิดอารมณ์ขันชวนสนุกสนานคลายความเครียด ช่วยสมานมิตรภาพให้แน่นแฟ้นยาวนาน ช่วยให้เชิงเชาวน์ปฏิภาณไหวพริบ ช่วยไม่ให้เราเขียนคำหยาบโลนตรงไปตรงมา เป็นศิลปะทางการใช้ภาาาอย่างล้ำค่าเราควร
อนุรักษ์ให้คงอยู่คู่กับภาษาไทยอีกนานเท่านาน |
Back |