|
สภาพทั่วไป |
|
1.1 ประวัติอำเภอจุฬาภรณ์ |
|
อำเภอจุฬาภรณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช เดิมเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างอำเภอร่อนพิบูลย์และอำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเป็นพื้นที่ตำบลควนมุด ตำบลบ้านชะอวด อำเภอชะอวดและตำบลควนหนองคว้า ตำบลทุ่งโพธิ์ ตำบลสามตำบล และตำบลนาหมอบุญ อำเภอร่อนพิบูลย์ ทั้งนี้พื้นที่ดังกล่าวเดิมเป็นพื้นที่มีความกันดาร และห่างไหลจากอำเภอ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีปัญหาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการพัฒนาแก้ไขโดยเร่งด่วน ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน การปกครอง การอาชีพ สังคมจิตวิทยา และการให้บริการประชาชน
|
|
จึงมีการขอจัดตั้งพื้นที่ดังกล่าว เป็นอำเภอจุฬาภรณ์(กรณีพิเศษ)พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกา ตั้งอำเภอเพื่อเป็นประโยชน์แก่การปกครอง และความสะดวกของประชาชน เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2537 และได้รับพระราชทานพระอนุญาตให้ใช้พระนาม ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เป็นชื่ออำเภอโดยได้ทำพิธีเปิดอำเภอ และเริ่มบริการประชาชนเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2537 |
|
พื้นที่บริเวณที่ตั้งอำเภอจุฬาภรณ์ปัจจุบัน คือ ตำบลสามตำบล โดยมีประวัติว่าหมายถึงสามวัง ได้แก่ วังฆ้อง วังใส และวังนาหมอบุญ ซึ่งทั้งสามวังเป็นที่อยู่อาศัยของเชื้อพระวงศ์แต่โบราณ ที่ได้เข้ามาบุกเบิกตั้งถิ่นฐานยังบริการนี้ ต่อมาเมื่อยุคหนึ่งในอดีต พื้นที่แถวนี้กลายเป็นเขตเคลื่อนไหวและต่อสู้ของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ทำให้บริเวณนี้ซึ่งทุรกันดารอยู่แล้ว ต้องประสบกับปัญหาด้านความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยเพิ่มขึ้นขึ้นอีกนอกจากนี้การพัฒนาและการบริการของทางราชการก็ไม่สามารถเข้าถึงยังจุดนี้ได้ |
|
1.2 สภาพทางภูมิศาสตร์ |
|
สภาพพื้นที่ทั่วไปเป็นที่ราบเชิงเขา เหมาะแก่การเกษตร เลี้ยงสัตว์ ด้านทิศตะวันตก เป็นที่ราบสูงมีภูเขาสลับซับซ้อน เป็นแนวยาวทอดจากทิศเหนือไปทางทิศใต้ ด้านทิศตะวันออกเป็นที่ราบลุ่ม ทิศเหนือเป็นที่ราบเชิงเขา ทิศใต้เป็นที่ราบลุ่ม |
|
สถานที่ตั้งที่ว่าการอำเภอจุฬาภรณ์ ตั้งที่บ้านสำนักไม่เรียบ หมู่ที่ 4 ตำบลสามตำบล ห่างจากจังหวัดนครศรีธรรมราช ประมาณ 52 กิโลเมตร |
|
อาณาเขต |
|
ทิศเหนือ |
ติดต่อตำบลร่อนพิบูลย์ ตำบลควนเกย อำเภอร่อนพิบูลย์จังหวัดนครศรีธรรมราช |
|
ทิศตะวันออก |
ติดต่อกับตำบลควนชุม ตำบลควนพัง อำเภอร่อนพิบูลย์ และตำบลบ้านตูล อำเภอชะอวด |
|
ทิศใต้ |
ติดต่อกับตำบลควนหนองหงษ์ ตำบลบ้านตุล อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช |
|
ทิศตะวันตก |
ติดต่อกับตำบลน้ำตก อำเภอทุ่งสง และตำบลร่อนพิบูลย์ อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช |
|
1.3 ประชากร |
|
มีประชากรทั้งหมด 31,850 คน 9,177 ครัวเรือน |
|
1.4 พื้นที่ทั้งหมด |
|
จำนวนพื้นที่ทั้งหมด192,505 ตารางกิโลเมตร |
|
1.5 การคมนาคม |
|
มีถนนสายหลัก ในความรับผิดชอบของทางหลวง จำนวน 2 สาย แบ่งเป็นถนนลาดยาง 1 สาย ระยะทาง 17 กิโลเมตร (ทางหลวงหมายเลข 41 ตอนอำเภอทุ่งสง-จังหวัดพัทลุง)และถนนลาดยาง (ยังไม่ตลอดสาย) 1 สาย ระยะทาง15 กิโลเมตร (ถนนปลายนา-ควนแบก) |
|
ถนนสายรอง ในความรับผิดชอบของ รพช. กรมโยธาธิการและองค์การบริหารส่วนจังหวัด รวม 92 สาย (แบ่งเป็นราดยาง 2 สาย ลูกรัง 90 สาย)) |
|
1.6 สภาพดินฟ้าอากาศ |
|
อำเภอจุฬาภรณ์ได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ที่พัดผ่านอ่าวไทย และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จากมหาสมุทรอินเดีย จึงมีช่วงฤดูฝนยาวนานระหว่างเดือน กรกฎาคม กุมภาพันธ์อุณหภูมิเฉลี่ย 22 องศาเซลเซี่ยส และช่วงฤดูร้อนระหว่างเดือน มีนาคม-มิถุนายนอุณหภูมิเฉลี่ย 32 องศาเซลเซี่ยส |
|
1.7 ทรัพยากรธรรมชาติและการท่องเที่ยว |
|
(1)ทรัพยากรดิน |
|
อำเภอจุฬาภรณ์ แบ่งดินออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้ 1.1ดินในพื้นที่ราบลุ่ม เกิดจากตะกอนที่มาจากแม่น้ำลำคลอง ค่อย ๆ สูงขึ้น ดินจำพวกนี้ถ้าอยู่ในสภาพแช่น้ำจะไม่แสดงความเป็นกรด แต่ถ้าทำให้ดินชั้นล่างแห้ง ซึ่งมีกำมะถันเป็นองค์ประกอบ ก็จะมีปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ ดินจะเปลี่ยนสภาพเป็นกรด ศักยภาพของดินจะใช้ประโยชน์ในการทำนาได้เพียงบางส่วน แต่ให้ผลผลิตต่ำไม่คุ้มกับการลงทุน |
|
1.2 ดินบริเวณที่ราบสูงเชิงเขาในตำบลทุ่งโพธิ์ |
|
(2)ทรัพยากรน้ำ |
|
อำเภอจุฬาภรณ์มีแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร คือ ลำคลอง จำนวน 10 สาย ซึ่งมีน้ำ ใช้ตลอดปี จำนวน 2 สาย คือ คลองวังฆ้องและคลองท่ายาง ห้วย,หนอง,บึงประมาณ 20 แห่งมีน้ำเฉพาะฤดูฝน สระน้ำ จำนวน 10 แห่ง มีน้ำเก็บกัก ใช้ได้ตลอดปี |
|
(3)สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของอำเภอ |
|
ศิลาจารึกหุบเขาช่องคอย ศิลาจารึกหุบเขาช่องคอย เป็นศิลาจารึกที่พบบริเวณหุบเขาช่องคอย อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราชพบเมื่อวันที่ 10กันยายน พ.ศ.2522 โดยนายจรง ชูกลิ่น และนายถวิล ช่วยเกิด ซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านคลองท้อน หมู่ที่9 ตำบลทุ่งโพธิ์ อำเภอจุฬาภรณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราชได้เดินทางไปในป่าแถบเขาช่องคอย ซึ่งอยุ่ห่างจากบ้านโคกสะท้อน ตำบลทุ่งโพธิ์ อำเภอจุฬาภรณ์ ไปทางทิศใต้ประมาณ 2 กิโลเมตร ณ บริเวณทุบเขาช่องคอยนี้เอง บุคคลทั้งสอง
ได้พบแผ่นหินกว้างใหญ่อยู่ใกล้กับร่องน้ำระหว่างหุบเขา แผ่นหินดังกล่าวมีขนาดกว้าง 1.60 เมตร ยาว 6.83 เมตร หนา 1.20 เมตร บนแผ่นหินมีเส้นเป็นรอยลึกขีดไปมาเป็นรูปอักษร คือ ศิลาจารึกหุบเขาช่องคอยนั่นเอง |
|
การค้นพบศิลาจารึกหุบเขาช่องคอย ทำให้ได้ทราบหลักฐานเกี่ยวกับอารยธรรมของกลุ่มชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณภาคใต้ โดยเฉพาะในเขตเมืองนครศรีธรรมราชในอดีตกาลจากลักษณะรูปอักษรที่ปรากฎในจารึกประมาณได้ว่าจารึกนั้นสร้างขึ้นในระหว่างพุทธศตวรรษที่ 12 ซึ่งร่วมสมัยกับจารึกวัดมเหยงณ์ จารึกวัดพระมหาธาตุ ฯ จังหวัดนครศรีธรรมราช และจารึกเขาพระนารายณ์ จังหวัดพังงา
|
|
กลุ่มคนผู้สร้างศิลาจารึกหุบเขาช่องคอยขึ้นนี้ น่าจะเป็นกลุ่มชนที่ใช้ภาษาสันสกฤต นับถือศาสนาพราหมณ์ ลัทธิไศวนิกายและคงจะได้เดินทางเข้ามาพำนักอาศัยในบริเวณนั้นเป็นการชั่วคราว ไม่ใช่กลุ่มชนที่อยู่ประจำถิ่น อีกทั้งยังได้กำหนดสถานที่บริเวณศิลาจารึกหุบเขาช่องคอยนั้นเป็นศิวสถานเพื่อปฏิบัติศาสนกิจตามจารีตของตน พร้อมๆ กันนั้นก็อบรมสั่งสอนให้ผู้อยู่ในสันนิบาตนั้น สำนึกในความเป็นคนต่างถิ่นพลัดบ้านเมืองมาสมควรประพฤติตนเป็นคนดี จะได้พำนักอาศัยอยู่ร่วมในสังคมที่มีขนบธรรมเนียมแตกต่างกันได้อย่างสุขสงบ ดังที่ปรากฎข้อความในจารึดซึ่งกล่าวถึงการเคารพบูชา
พระศิวะ พระสวามีแห่งนางวิทยาเทวี พระผู้เป็นเจ้าอันสูงสุดบุคคลใดสรรเสริญองค์พระศิวเทพอย่างเทิดทูลบูชา บุคคลนั้นจะได้รับพรจากพระองค์ไม่ว่าจะไปอยู่ ณ ที่ใดย่อมได้รับการต้อนรับด้วยดีทุกสถาน |
|
ลักษณะของศิลาจารึกหุบเขาช่องคอยบ่งชัดว่าเป็นการสร้างขึ้นด้วยกรรมวิธีง่าย ๆ ไม่ประณีตบรรจง ใช้แผ่นศิลาธรรมชาติที่มีอยุ่ในบริเวณหุบเขานั้นเป็นที่จารึกรูปอักษรขึ้น 3 ตอน มีความหมายต่อเนื่องกัน แต่ขนาดของรูปอักษรไม่เท่ากัน ตอนที่ 1 ขนาดของตัวอักษรสูง 25 เซนติเมตร มีอักษรข้อความ 1 บรรทัด ตอนที่ 2 ขนาดของตัวอักษรสูง7 เซนติเมตรมีอักษรข้อความ 4 บรรทัด ตอนที่ 3ขนาดของตัวอักษรเท่ากับตอนที่ 2 แต่มีอักษรข้อความเพียง 2 บรรทัด รูปที่ยกมานี้เป็นตอนที่ 1 |
|
การพิจารณาศิลาจารึกหุบเขาช่องคอยในทางอักขรวิทยาจำเป็นต้องศึกษาวิเคราะห์ลักษณะเส้นสันฐานแห่งรูปอักษรจะเห็นได้ว่าลักษณะรูปอักษรในศิลาจารึกหุบเขาช่องคอยเหมือนกับรูปอักษรในจารึกวัดมเหยงคณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราชจารึกเขารัง จังหวัดปราจีนบุรี และจารึกอื่น ๆ ที่ใช้รูปอักษรปัลลวะซึ่งจารึกขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 12 เมื่อนำรูปอักษรในจารึกดังกล่าวมาเปรียบเทียบกันแล้ว จะทราบได้ว่าเป็นรูปอักษรร่วมสมัยกัน ศิลาจารึกหุบเขาช่องคอยจารึกขึ้นในระหว่างพุทธศตวรรษที่ 12 ด้วยภาษาสันสกฤต |