1. กำหนดประเภทหรือกลุ่มภาคีหรือ ผู้ที่เกี่ยวข้อง |
|
ความสำเร็จในการวางแผนขึ้นอยู่กับการมีภาคีหรือกลุ่มที่แตกต่างกันสำหรับงานและความรับผิดชอบที่ |
แตกต่างกัน |
|
กระบวนการวางแผนทั้งหมดจำเป็นต้องกำหนดโดยกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องหรือภาคีให้ชัดเจน อันได้แก่ |
ตัวแทนจากองค์กรของรัฐและเอกชน กลุ่มผลประโยชน์ที่แตกต่างกัน กลุ่มภาคีบางครั้งหมายถึง "กลุ่มประสานงาน" (Coordination Group) หรือ "กลุ่มผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง" (Stakeholder Group) ซึ่งเป็นเสมือนคณะกรรมการบริหาร (Board of Directors) ทำหน้าที่ผู้ควบคุม และอำนวยการวางแผน |
|
เมื่อมีการกำหนดบริการหนึ่ง ๆ ออกมาตามลำดับความสำคัญในการวางแผน ก็จำเป็นต้องมีการตั้งภาคี |
กลุ่มต่าง ๆ ขึ้น จากตัวแทนขององค์กรหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐของเอกชน (NGO) บริษัท กลุ่มผู้รับบริการ ซึ่งมีความรู้ความชำนาญพิเศษ และมีความสนใจในการวิเคราะห์ และจัดลำกับความสำคัญ ตามประเด็นของการบริการ และจะต้องเข้ามาร่วมในกระบวนการวางแผนปฏิบัติการ และการติดตาม ตรวจสอบ กลุ่มนี้บางครั้งเรียกว่า "กลุ่มทำงานเฉพาะ (Specialiist Working Groups) " หรือ "เวทีอภิปราย (Forums)" ซึ่งกำหนดขึ้นเฉพาะแต่ละประเด็นหรือปัญหาที่แต่ละกลุ่มต้องการวางแผน แต่ละกลุ่มสามารถรายงานผลไปยัง กลุ่มนโยบาย (Stakeholder Group) ซึ่งจะช่วยสนับสนุนกลุ่มทำงานต่าง ๆ |
|
เมื่อจัดทำแผนปฏิบัติการเสร็จ จะต้องจัดตั้งภาคีกลุ่มต่างๆ ขึ้น เพื่อดำเนินงานตามแผนงาน |
โครงการนั้น ๆและติดตามความก้าวหน้าในการปฏิบัติงานด้วย |
2. กำหนดผู้ที่เกี่ยวข้องหรือภาคีในชุมชน |
|
เมื่อมีการกำหนดประเภทหรือกลุ่มภาคีในการวางแผนปฏิบัติงานแล้ว องค์กรและตัวแทนจะต้องกำหนด |
ตัวบุคคลที่เหมาะสมสำหรับงานแต่ละประ เภทโดยทั่วไปภาคีจะหมายรวมถึง |
|
* ผู้ให้บริการ : กลุ่มบุคคลที่ควบคุมและจัดการบริการ |
|
* ผู้รับบริการ : กลุ่มบุคคลที่ใช้และได้รับผลกระทบโดยตรงจากการบริการ |
|
* กลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยอ้อมจากการบริการหรือระบบการบริการ |
|
* กลุ่มผู้ที่มีความรู้เฉพาะด้านเกี่ยวกับการบริการหรือสภาพสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวกับการบริหาร |
|
และที่สำคัญคือจะต้องไม่ลืมให้มีตัวแทน จากกลุ่มผู้รับบริการที่เป็นกลุ่มผู้ด้อยโอกาส เข้ามาร่วมอยู่ |
ในกลุ่มผู้เกี่ยวข้องหรือ ภาคี (Partnership Group) ด้วยเสมอ |
3. กำหนดขอบเขตของกระบวนการวางแผน |
|
จากแต่ละระบบและแต่ละพื้นที่บริการมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน ดังนั้นกระบวนการ |
วางแผนการบริการ จึง ควรจะเปิดกว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้แผนปฏิบัติการควรจะเป็นแผนที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ในการดำเนินการทั้งระบบและพื้นที่ทั้งหมด อาจจะมีทรัพยากรไม่เพียงพอ ดังนั้น ผู้บริหารหรือกลุ่มผู้กำหนดนโยบายจึงจำเป็นที่จะต้องตัดสินใจกำหนดขอบเขตของการวางแผนตั้งแต่ต้น |
|
การกำหนดขอบเขตของกระบวนการวางแผนจะต้องพิจารณาหรือตอบคำถามสำคัญเหล่านี้ : |
|
* "ขอบเขตของแผนปฏิบัติการควรจะเป็นอย่างไร ? ขอบเขตนี้ครอบคลุมในพื้นที่กว้าง หรือเน้นในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์เฉพาะจุดเท่านั้น ?" |
|
* "มีการกำหนดกระบวนการปฏิบัติงานและการจัดการอย่างไร ?" |
|
* "เทศบาลมีบทบาทอย่างไร ? กองต่าง ๆ ของเทศบาลมีส่วนร่วมและรับผิดชอบปฏิบัติตามแผนอย่างไร ?" |
|
* "ท่านจะดึงกลุ่มผู้ด้อยโอกาสในชุมชนให้เข้ามาร่วมงานได้อย่างไร ?" |
|
* "กระบวนการที่เสนอได้รับการสนับสนุนจากทางการเมือง หรือไม่ ? ถ้าไม่มีทำอย่างไร ? จึงจะได้รับสนับสนุน" |
|
* "ใครเป็นผู้จัดเตรียมแผน ? และทำอย่างไร ? แผนนี้จึงได้รับการสนับสนุนงบประมาณ" |
|
* "เราจะวางแผนระยะสั้น ปานกลาง หรือระยะยาว ? ระยะเวลาที่ใช้ในการจัดทำแผนนานเท่าใด ?" |
|
* "การวางแผนยุทธวิธีการให้บริการมีความเชื่อมโยงหรือเสริมกระบวนการวางแผน หรือกฏหมายที่มีอยู่เดิมหรือไม่ อย่างไร ?" |
|
* " จะผนวกแผนเข้าสู่กระบวนการทางงบประมาณของเทศบาลได้อย่างไร ?" |
4 . การกำหนดข้อตกลงสำหรับภาคีหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง |
|
เมื่อกำหนดผู้ที่เกี่ยวข้อง (Partners) และขอบเขตของการวางแผนแล้ว ก็ควร มีการกำหนดข้อตกลง |
และกำหนดหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการวางแผนด้วย ซึ่งมีดังนี้คือ |
|
* กิจกรรมที่ควรทำร่วมกันในการวางแผน |
|
* บทบาทของฝ่าย ๆ ในการวางแผน รวมทั้งกิจกรรมเฉพาะด้านที่ต้องทำ ข้อมูลที่ต้องการ และตารางเวลาของการเข้าร่วม |
|
* เกณฑ์หรือมาตราฐานที่ใช้ในการดำเนินงาน การแบ่งปันแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ใช้ในการดำเนินการ รวมทั้งข้อตกลงที่เป็นความลับ |
|
* วิธีการตัดสินใจ รวมทั้งการพิจารณาทบทวนและยุติข้อขัดแย้ง |
|
* ทรัพยากรด้านต่าง ๆ ที่แต่ละฝ่ายต้องจัดเตรียมให้ |
5. การจัดกลุ่มผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือภาคี |
|
ผู้ที่เป็นภาคี (Partmers) มิได้เพียงแค่เข้ามามีส่วนร่วมเท่านั้น แต่จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับการสนับสนุน |
และร่วมรับผิดชอบในกระบวนการวางแผนรวมถึงผลที่เกิดขึ้นด้วย การเข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจัง จึงต้องมีกลไกการจัดการที่จะช่วยให้การเข้าร่วมง่ายและสะดวกขึ้น เนื่องจากกระบวนการ - วางแผนให้การบริการมีกิจกรรมที่หลากหลาย จึงมีรูปแบบ การจัดการที่แตกต่างกันเพื่อดำเนินกิจกรรมเหล่านั้น ภาคีหรือกลุ่มดำเนินการควรมีกำหนดระยะเวลาในการเข้าร่วมปฏิบัติงานซึ่งอาจมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหรือคงไว้ หลังจาก ดำเนินงานเสร็จและประเมิณผลโครงการแล้ว |
|
อย่างไรก็ดี อาจจะมีการตั้งคณะทำงานแบบถาวรเพื่อให้กลุ่มผูเป็นภาคีสามารถวางแผนได้ระยะยาวและ |
ต่อเนื่อง นอกจากนี้แล้วจากประสบการณ์ดำเนินงานในชุมชนต่าง ๆ ในโลกพบว่า การวางแผนและการดำเนินงานนี้ จำเป็นจะต้องมีองค์กรกลาง ( Intermediary Ins titution) ซึ่งทำหน้าที่นอกระบบที่เป็นทางการและกระบวนการทางกฏหมาย และ ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางหรือประสานงานระหว่างภาคีกลุ่มต่าง ๆ ที่สำคัญ และสามารถจัดเตรียมและวางแผนยุทธวิธีการให้บริการได้ |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|