http://www.tungsong.com
Home
| Guestbook
|Local Agenda 21
|Download Document

      


        เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2475 กษัตริย์อับดุล าซิซ บิน อับดุล เราะห์ มาน อัล ซาอุด ประมุของค์แรกของประเทศทรงจัดตั้งราชอาณาจักร อาณาจักรแห่งซาอุดีอาระเบียยุคใหม่ขึ้น จนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะประเทศมหาอำนาจในเรื่องน้ำมันที่ยิ่งใหญ่ของโลกตราบถึงทุกวันนี้
รัฐซาอุดีได้ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อกลางศตวรรษที่ 18 ซึ่งเป็นการจับมือกันระหว่างอิหม่าม มูฮัมหมัด อิบน์ซาอัด ผู้ปกครองแห่งดิริยาที่อยู่ห่างจากกรุงริยาดไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 20 กิโลเมตรกับชีคห์ มูฮัมหมัด อิบน์ อับดุลวาห์ฮับ ผู้มีแนวคิดเป็นนักปฏิรูป โดยสามารถรวบรวมอาณาจักรบนคาบสมุทรอาระเบียไว้ได้เกือบทั้งหมดและยึดถือบทบัญญัติของศาสนา อิสลามมาใช้วางระเบียบกฏเกณฑ์ปกครองอาณาจักรอย่างสงบสุขและเป็นเอกภาพจนกระทั่งถึงปัจจุบัน


        อย่างไรก็ตามความเป็นเอกภาพก็ถึงกาลล่มสลายเมื่อคาบสมุทรอาระเบียแห่งนี้ถูกรุกรานโดยอาณาจักรอ็อตโตมานเมื่อปี 2354 จนกระทั่งถึงปี 2367 ชาวซาอุดิก็กลับมามีอำนาจอีกครั้งภายใต้การนำของเจ้าชายเตอร์กี อัล - ซาอัด ผู้สืบสายเลือดมาจากอิบน์ ซาอัดหลายปีต่อมาเหตุการณ์ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นโดยที่เจ้าชายเตอร์กีถูกลอบสังหารเมื่อปี 2377 จนนำไปสู่ความระส่ำระสายของบ้านเมืองเป็นระยะเวลา 10 ปี แต่ในที่สุดเจ้าชายเฟย์ซัลพระโอรสก็สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ ทั้งหมดจนเมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์เมื่อปี 2408 ดินแดนบนคาบสมุทรอาระเบียแห่งนี้ได้ล่มสลายอีกครั้ง


        อับดุลลาห์และซาอัด สองพระโอรสของเจ้าชายเฟย์ซัลแย่งชิงอำนาจกลายเป็นสงครามกลางเมืองนานถึง 25 ปี แต่ผลสุดท้ายก็ต้องสูญเสียดินแดนอัล - ฮาซา ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงริยาดไปทางตะวันออก 300 กิโลเมตรให้กับชาวเติร์ก พอมาในปี 2430 มู ฮัมหมัด อิบน์ ราชิด ผู้สนับสนุนชาวเติร์กได้รุกรานกรุงริยาดทำให้อิหม่าม อับดุล ราห์มานอัล - ซาอัดและสมาชิกในครอบครัวซึ่งรวมทั้งอับดุลลาซิส บุตรชายทิ้งเมืองไปพร้อมกับบรรดาผู้ที่จงรักภักดี แต่ประกาศให้คำมั่นว่าจะมาทวงอำนาจสิทธิ์ขาดบนดินแดนซาอุดีอาระเบียกลับคืนมาอีกครั้ง

        ครั้นเมื่ออับดุลลาซิสเติบโตเป็นหนุ่มใหญ่พร้อมด้วยวิสัยทัศน์อันยาวไกลทำให้มีผู้ยอมเข้าสวามิภักดิ์จำนวนมาก ความฝันที่จะเรียกร้องเอาดินแดนบนผืนทะเลทรายกว้างใหญ่แห่งนี้กลับคืนมาจึงเป็นจริงดังเช่นทุกวันนี้ ซึ่งสามารถรวบรวมอาณาจักรเป็นบริเวณ กว้างใหญ่ไพศาลถึง 4 ใน 5 ส่วนของคาบสมุทรอาระเบีย จากนั้นพอถึงฤดูหนาวช่วงระหว่างปี 2444 - 2445 อับดุลลาซิสได้เริ่มรวบรวมกำลังเพื่อก่อตั้งเป็นรัฐสมัยใหม่ด้วยการทำศึกสงครามที่จารึกไว้เป็นตำนานที่ป้อมมาสมาค และนำไปสู่การกลับมาครองกรุงริยาดได้สำเร็จอีกครั้งและกำหนดให้วันที่ 23 กันยายน 2445 เป็นวันสถาปนาราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย

        จากนั้นอับดุลลาซิสได้ใช้เวลาอีก 20 ปีรวบรวมชนเผ่าต่าง ๆ อยู่ร่วมกันภายใต้อาณาจักรเดียวกัน ครั้นปี 2456 ได้ยึดเอาดินแดนแถบตะวันออกได้แก่อัล - ฮาซามาไว้ในครอบครอง และตั้งแต่ปี 2468 - 2475 ก็เข้ายึดครองเมืองอัล - ทาอิฟ, นครเมกกะอันศักดิ์สิทธิ์, นครเจดดาห์และเมืองเมดินาห์ การรวบรวมดินแดน ทั้งหมดได้กลายเป็นราชอาณาจักรแห่งซาอุดีอาระเบียภายใต้ศาสนาอิสลามก็สัมฤทธิผล หลังจากนั้นในการต่อสู้ของอับดุลลาซิสอีหลายปีก็นำมาซึ่งสันติภาพ ความยุติธรรมและความมั่นคงในภูมิภาคดังกล่าวและความร่ำรวยก็บังเกิดขึ้นเมื่อมีการค้นพบน้ำมันเมื่อปี 2480

        ระหว่างครึ่งศตวรรษที่ครองอำนาจกษัตริย์อับดุลลาซิสทรงไม่เคยละเลยในการประกอบศาสนากิจตามบทบัญญัติของศาสนาอิสลามแต่ประการใด ด้วยเหตุนี้พระองค์ได้ตัดสินพระทัย ใช้ดาบสีเขียวเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงเกียรติภูมิและความยุติธรรมปรากฏบนผืนธง ส่วนคำจารึกบนผืนธงแสดงถึงหลักความเชื่อของชาวมุสลิมที่ยึดมั่นในพระเจ้าเพียงองค์เดียวและพระมะหะหมัด ศาสนาผู้นำสาสน์จากพระเจ้ามาเผยแพร่สู่มวลมนุษย์
Top


        ในปีพ.ศ. 2481 มีการพบแหล่งน้ำมันมากมายในบริเวณใกล้เมืองดัมมัม ของประเทศ ซาอุดี อาระเบีย ประเทศนี้จึงกลับกลายเป็นประเทศสมัยใหม่ในศตวรรษที่ยี่สิบ และชื่อ ซาอุดี อาระเบีย ก็โด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ในปัจจุบันนี้เศรษฐกิจของประเทศ ส่วนใหญ่ได้อาศัยอุตสาหกรรมน้ำมันค้ำจุน อยู่อย่างเหลือเฟือ เวลานี้รัฐบาล ซาอุดี อาระเบีย มีรายได้จากน้ำมันไม่น้อยกว่า 600,000 ล้านบาทต่อปี หรือประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ รายปีทั้งหมด และซาอุดี อาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันใหญ่ เป็นอันดับที่ 2 ของโลก มีน้ำมันสำรองสำรองอยู่ในปริมาณมากที่สุดในโลก ย่านอุตสาหกรรมน้ำมันอยู่ตามชายฝั่งในบริเวณอ่าวเปอร์เซีย โรงกลั่นกับท่าเรือขนถ่ายน้ำมันอยู่ที่เมือง ราสตันนูรา
Top


         ซาอุดี อาระเบีย มีเนื้อที่ประมาร 873,000 ตารางไมล์ ตั้งอยู่เกือบจะเต็มเนื้อที่ หรือราว 4 ใน 5 ส่วน ของคาบสมุทรอาหรับ (Arabian Peninsula) โดยมีอาณาเขตทาง
ทิศตะวันออกติดกับประเทศกอตอร์ และสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์
ทิศใต้ติดกับสาธารณรัฐอาหรับแห่งเยเมน โดยมีประเทศสาธารณรัฐประชาชนประชาธิปไตยแห่งเยเมน และประเทสโอมารอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
ทิศเหนือติดกับประเทศจอร์แดน อิรัก และ คูเวต ดินแดนซาอุดีอาระเบีย ตามชายฝั่งทะเลแดงซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเป็นพื้นที่ราบแคบ ๆ ยาวเหยียดเป็นระยะทางประมาณ 1,000 ไมล์ เรียกกันว่าที่ราบทิฮามา (Tihama plain)
ทิศตะวันตก ติดกับทะเลแดง
        ภาวะอากาศใน ซาอุดี อาระเบีย ระหว่างฤดูร้อนในเวลากลางวันมีอากาศร้อนจัดมาก บางครั้งอุณหภูมิสูงกว่า 100 องศาฟาเร็นไฮท์ หรือกว่า 38 องศาเซลเซียส ส่วนกลางคืนความร้อนจะลดฮวบลงทันที สำหรับฤดูหนาวอุณหภูมิลดลงในระดับต่ำมาก แต่ตามบริเวณชายฝั่งทะเลซึ่งเป็นที่ราบอากาศเย็นสบาย
Top


นครเมกกะ         กรุงริยาร์ด (Riyadh) เป็นนครหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของ ซาอุดี อาระเบีย มีพลเมืองประมาณ 300,000 คน ตั้งอยู่ทางแคว้นตะวันออกของแคว้นเนจด์ ในภาคกลางของประเทศ ถนนแต่ละสายกว้างขวาง ตรงกลางถนนมีเกาะปลูกต้นปาล์มกับไม้ดอกงาม ๆ นานาพันธุ์
        นครเมกกะ (Mecca) เป็นศูนย์กลางทางศาสนาของอิสลามิกชนทั่วโลก เป็นเมืองเกิดของพระมะหะหมัด สถานที่สำคัญในนครนี้คือ กาบา (Kaaba) อันเป็นปูชนียสถานตั้งอยู่ในสุเหร่าใหญ่ ซึ่งที่ประดิษฐานแผ่นหินดำศักดิ์สิทธิ์ที่กล่าวกันว่ามีรอ้ยเท้าของพระมะหะหมัดปรากฏอยู่ด้วย
        เจดดาห์ (JEDDAH) เป็นเมืองหลวงเก่า ปัจจุบันเป็นเมืองท่า และศูนย์การพาณิชย์ทางฝั่งตะวันตก
        มะดีนะห์ (MADINAH) เป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่ฝังพระศพของศาสดามูฮัมหมัด อนุญาตให้เข้าได้เฉพาะชาวมุสลิมเช่นกัน
        ดัมมัน (DAMMAN) เป็นเมืองอุตสาหกรรมและเขตบ่อน้ำมันทางภาคตะวันออก
Top

Home
แหล่งที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์