http://www.tungsong.com
|
|
|Download Document
|
![]() |
![]() ![]() ![]() ![]() |
![]() |
![]() ประวัติศาสตร์ของมาเลเซียมีความต่อเนื่องที่เต็มไปด้วยอำนาจอิทธิพลของต่างชาติ ทั้งนี้เพราะตั้งอยู่ในทำเลจุดยุทธศาสตร์ระหว่างมหาสมุทรอินเดียและทะเลจีนใต้ ซึ่งกลายเป็นแหล่งรวมของพ่อค้าและนักท่องเที่ยวทั้งหลาย อิทธิพลจากศาสนาฮินดู และศาสนาพุทธแพร่หลายในตะวันตกเฉียงเหนือก่อนที่ศาสนาอิสลามจะเข้ามา การค้นพบทางโบราณคดีที่หุบเขาบูจางซึ่งมีหลักฐานแสดงถึงอารยธรรม ความเจริญของศาสนาฮินดู ศาสนาพุทธซึ่งอาจย้อนหลังไปได้ถึงสมัยศักราช 300 ที่ได้เจริญขึ้นจนกลายเป็นศูนย์การค้าและการพาณิชย์ที่สำคัญยิ่งจนถึงศตวรรษ 13 เมื่อมะละกาที่อุดมสมบูรณ์ด้วยเครื่องเทศได้ดึงดูดความสนใจของชาติล่าอาณานิคมที่ทรงอำนาจในปี ค.ศ. 1511 มะละกาตกอยู่ใต้การปกครองของโปรตุเกส และในปี ค.ศ. 1641 ฮอลันดา เข้ามามีอำนาจแทนที่โปรตุเกส และอังกฤษก็เข้ามายึดอำนาจต่อในปี ค.ศ. 1815 โดยรวบรวมรัฐต่าง ๆ ในคาบมหาสมุทรมลายูหลังจากการขึ้นฝั่งของฟรานซิส ไลต์ ที่เกาะปีนังในปี ค.ศ.1786 รัฐซาราวัคเคยอยู่ใต้การปกครองของนักแสวงโชคชาวอังกฤษคนหนึ่งคือ เจมส์ บรูค และลูกหลานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1841 แต่ในปี ค.ศ. 1888 ซาราวัค และบอร์เนียวเหนือ (ซาบาห์) ได้กลายเป็นดินแดนในอาณัติของอังกฤษ ในสมัยปี ค.ศ. 1930 มีการปลุกระดมความรักชาติเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก และมีขึ้นอีกหลังสงครามโลกครั้งที่สองจนกระทั่งได้รับเอกราชคืนมาในวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 1957 ทุกวันนี้มาเลเซียเป็นชาติสมาชิกที่สำคัญชาติหนึ่งของสมาคมอาเซียน ซึ่งประกอบด้วย บรูไน ดารุส ซาแลม, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์ และไทย, พม่า และลาว มาเลเซียเป็นประเทศที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย มีพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ โดยมีพระราชาธิบดี หรือที่เรียกว่า "ยังดี เปอตวน อากง" เป็นประมุข ซึ่งได้รับเลือกตั้งจาก "เจ้าคณะผู้ครองนคร" หรือสุลต่านผู้สืบเชื้อสายเดียวกันทั้ง 13 รัฐ จะอยู่ในตำแหน่ง คราวละ 5 ปี |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() ทางด้านภาษา ใช้ภาษา "บาฮาซา มาเลเซีย" เป็นภาษาประจำชาติ ชาวมาเลเซียยังคงมีอิสระเสรีที่จะใช้ภาษาอื่น ๆ ในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาที่สองรองลงไป "ดอกไม้ประจำชาติ ดอกชบาหรือบุหงารายา " |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |