จันทร์แก้ว กำเนิดที่บ้านเขาพระบาท อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อ พ.ศ. 2433 พ่อชื่อ พุดแก้ว แม่ชื่อสีน

         หนังจันทร์แก้ว เป็นนายหนังรุ่นเก่า แก่โรงหนึ่งของภาคใต้ เริ่มแสดงมาตั้งแต่การใช้ไต้ น้ำมันวัวน้ำมันควาย ตะเกียงแสงจันทร์ ตะเกียงเจ้าพายุ ให้แสงสว่างในการเชิดรูปมาจนถึงสมัยการใช้ไฟฟ้า มีลูกศิษย์เป็นหนังที่มีผลงานดีเด่น

         หนังจันทร์แก้ว เสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2515 ศพของหนังจันทร์แก้วมีรูปหล่อด้วยสำริดเท่าคนจริง ประดิษฐานอยู่หน้าศพ ณ บ้านการะเกด อำเภอเชียรใหญ่จังหวัดนครศรีธรรมราช

         หนังจันทร์แก้ว บุญขวัญ มีชื่อเสียงอีกชื่อว่า"หนังสามเปีย" เป็นชื่อที่เจ้าเมืองนครศรีธรรมราชสมัยนั้นตั้งให้ด้วยเมื่อยังเป็นเด็ก แม่ไว้เปียให้เกิดแยกออกเป็นสามเปีย มำอย่างไรก็ไม่กลับมาอยู่กลุ่มเดียวกัน แม่จึงผูกผ้าแยกให้เป็นสามเปีย มาตัดออกเมื่ออายุ 30 ปี

         หนังจันทร์แก้ว เข้าเรียนหนังสือไทย - ขอม ที่วัดเขาพระบาท พออ่านออกเขียนได้ และอุปสมบทที่วัด แต่งงานนางพลับ มีลูกด้วยกัน คือ นางเผียน นางจรวย และท่านมหาสงบ บุญขวัญ

         หนังจันทร์แก้ว ชอบเล่นหนังตะลุงตั้งแต่วัยเด็ก วัยหนุ่ม เมื่อแม่บังคับให้ไปทำนา ก็แอบไปนั่งที่ใต้โพปลายนา แกะใบโพเป็นรูปหนัง นั่งว่าบท เป็นประจำทุกวัน เมื่อแม่ไปสู่ขอลูกสาวใคร พ่อแม่ของฝ่ายหญิงถามว่า การงานเป็นอย่างไร แมาหนังจันทร์แก้ว ตอบตามความเป็นจริงว่า "มันบ้าบทหนัง ไม่ทำนาตลอด" หนังจันทร์แก้วจึงมีเมียยาก ไม่มี ใครยินยอมให้ลูกสาวของเขา เพราะเห็นว่าการแสดงหนังอย่างเดียวไม่พอกิน จะพาตกระกำลำบาก แตาปรากฎว่าครอบครัวของหนังจันทร์แก้วมั่นคง มีที่นา 300 ไร่ มับ้านอยู่ใหญ่โตโอ่อ่า ข้าวของเครื่องใช้ครบครัน อำนวยความสะดวกสบายเต็มที่ หนังจันทร์แก้วเอาดีทางหนังตะลุงเพียงอย่างเดียวสามารถสร้างฐานะได้

         หนังจันทร์แก้ว เริ่มฝึกหนังกับหนังแดง และหนังสิน บ้านเกาะทวด อำเภอปากพนัง ฝึกอยู่เป็นเวลา 2 ปี กว่า จึงออกโรงแสดง นิยายที่หนังจันทร์แก้วนำแสดง มีเรื่องกรีสะไล้ พิมพา สวรรค์ในอกนรกในใจชายจริงหญิงแท้ แก้วขันธ์ห้า สามกษัตริย์ กุหลาบชาวนา แก้วอัศจรรย์ความฝันประหลาด ปิ่นสินธพ สายฟ้าศิลาแวว แก้วพิศดาร สงครามโลกผจญไป แก้วสองธาตุ ผมงามสามเส้น ตรา พระจันทร์สวรรค์ลอย

         เรื่องเอกของหนังจันทร์แก้ว คือกรีสะไล้ เป็นเรื่องสนุกสนาน ตื่นเต้น ลูกชายของกรีสะไล้ชื่อหนู้ฉอย รู้แต่คาถาเหมาะแต่ลอยลงไม่ได้ ต้องเหาะอยู่ตลอด เกาะขอบหน้าต่างกินอาหาร พอปล่อยมือก็เหาะต่อไป ต้องการให้มาช่วยรบศึกต้องใช้ไม้ฉอย จึงเรียกว่า "หนูฉอย" หนังจันทร์แก้วแสดงเรื่องนี้มาแล้วไม่น้อยกว่า 1000 ครั้ง บางท้องถิ่นแสดงซ้ำหลายครั้ง ตามเสียงเรียกร้องของผู้ชม ครั้งหนึ่งพอปักรูปบอกเรื่อง ลูกคู่ก็ห้ามว่า "ลุง" คืนนี้ อย่าแสดงเรื่องอีกรีสะไล้อีก" หนังจันทร์แก้วหันไปต่อว่า"อ้ายพวงเนรคุณ พวกสู เกลียดอีกรีสะไล้ เสื้อ กางเกง ดินสวน พวกสูซื้อด้วยเงินขิงอีกรีสะไล้ทั้งนั้น"

         หนังจันทร์แก้วแสดงหนัง มุ่งเอาความสนุกสนานเป้นสำคัญ ตัวตลกเอกคืออ้ายขวัญเมืองเป็นคนมีชีวิตจริง ๆ ยังนำบทตลกของอ้ายขวัญเมืองมาเล่าสู่กันฟังเป็นที่ขำขัน ขวัญเมืองแสดงคู่กับอ้ายทอง มีประวัติน่าสนใจท่านพระครูปิหนัง เจ้าอาวาสวัดศาลาแก้ว อำเภอหัวไทร เป็นอาจารย์ของหนังจันทร์แก้ว ท่านพระครูปิหนัง มีเวทมนตร์ฉมัง เชื่อกันว่าเรียกจระเข้ให้โผล่หัวขึ้นจากน้ำได้ และเป่าคาถาผูกปากไว้ กัดใครไม่ได้ เมื่อถึงแก่มรณภาพให้เทินศพ(คือฝังโลง ลงในดินครึ่งหนึ่ง) เป็นเวลา 1 ปี เพื่อเก็บเอาเฉพาะกระดูกมาจัดงานศพ จันทร์แก้วเป็นศิษย์หัวแก้วหัวแหวนของท่านเป็นประธานในการจัดงานศพ ใกล้วันจะเก็บกระดูกศพท่านพระครูไปเข้าฝัน ให้หนังจันทร์เอาหนังฝ่าตีนของท่านมาตัดเป็นปากล่างของอ้าย โดยเอาของเดิมออกเสียเมื่อขุดศพท่านขึ้น มีหนังฝ่าตีนไม่เปื่อยเน่า หนังจันทร์แก้ว นำมาตัดเป็นปากล่างของอ้ายขวัญเมืองตามฝัน เพียงโผล่หัวออกไปคนดูหัวเราะแล้ว อ้าปากพูดทีไรคนดูหัวเราะทุกครั้ง ก่อนออกหนังจันทร์แก้วชักปากรูปใต้รักแร้ทั้งสองข้าง เพราะเป็นจุดจั๊กจี้ของทุกคน แล้วสอดหัวรูปเข้าใต้ร่มผ้า ชักปากรูปให้คาบอวัยวะเพศ พร้อมกับเสกคาถาว่า "ดอล่อหิ หิล่อดอ ดอล่อหิ" โดยถือเคล็ดว่า เรือ่งเพสเป็นเรื่องชวนขันและเป็นที่ชื่นชมของทุกคน หนังจันทร์แก้วจึงตลกเรื่องเพศเป็นหลัก พูดตรงไปตรงมา แต่ไม่มีใครเกลียดชัง กลับนิยมชมชอบเสียอีก

         หนังจันทร์แก้ว แม้จะชอบพูดจาตลกคะนอง แต่สูงส่งด้วยคุณธรรม ฝึกศิษย์อย่างจริงจังและเป็นไปตามลำดับขั้นตอน บางคนฝึกอยู่ตั้ง 5 ปี ก็ไม่ยอมให้กลับบ้านต้องผ่านการทดสอบเสียก่อน ลูกศิษย์คนใดจะเอาบทเอกลอน หนังจันทร์แก้วก็ว่าบทให้ฟัง ศิษย์จดบันทึกไว้ หนังจันทร์แก้วเตือนย้ำให็ศึกษาหาความรู้ เราเป็นหนังต้องมีความรู้เหนือกว่าคนดู รูปทุกตัวพอเริ่มทับกับจอต้องสวมวิญญาณเสมือนรูปนั้นเป็นคนจริงๆ วางบทบาทของตัวละครได้อย่างกลมกลืน เหมาะสมและเตือนไม่ให้ตลกหยาบโลนเหมือนอาจารย์ กลัวจะพาตัวไม่รอด
         ลูกศิษย์ที่มาขอฝึกหนัง เขาจะเลือกเสียงเป็นอันดับแรกหนังต้องใช้เสียงตลอกคืน ถ้าเสียงไม่ดีไม่ควรฝึกหนัง ศิษย์หนังจันทร์แก้วเสียงดีทุกคน และมีชื่อเสียงไม่แพ้อาจารย์ประกอบอาชีพได้อย่างพอตัว

         บ้านหนังจันทร์แก้ว เป็นบ้าน 2 ชั้น ใหญ่โตกว้างขวาง มีภาพถ่ายลูกศิษย์ติดไว้รอบฝาผนัง เรียงไปตามลำดับดังนี้หนังเคล้าเฒ่า หนังประทุม หนังประยูรใหญ่ หนังยินดี หนังลำยอง หนังจำเนียร หนังไสว หนังปรีชา หนังเคล้าน้อย หนังทวีศิลป์ หนังจุเตี้ยน หนังแคล้วน้อย หนังวิรัตน์ หนังจรวย หนังเลิศน้อย หนังระแบบ หนังผอน หนังปล้อง ลูกหมี หนังศรีนิล หนังเลียบ คนหลังสุดคือหนังสมพงษ์ ปี พ.ศ.2510 จัดงานชุมนุมศิษย์เก่าขึ้นที่บ้านหนังจันทร์แก้ว มีลูกศิษย์มาชุมนุมจำนวน 200 คน หนังจันทร์แก้วเป็นหนังที่มีลูกศิษย์มากสุด บางคนฝึกมาจากที่อื่นก่อน แล้วมาขอให้หนังจันทร์แก้วครอบมือ ให้เพื่อเป็นสิริมงคล เพราะขึ้นชื่อว่าศิษย์หนังจันทร์แก้วมีชื่อเสียงโด่งดังทุกคน

         หนังจันทร์แก้ว ประชันกับทุกคณะ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเดียวกัน หรือ รุ่นลูกหลาน การแข่งขันถือเป็นกีฬาแสดงให้สุดความสามารถ แพ้ชนะไม่เป็นไร

         หนังจันทร์แก้วเป็นคนใจบุญสุนทาน ทอดกฐินปีละ 8 วัดทุกปี สมทบทุนเงินสร้างโบสถ์ วิหาร สิ่งถาวรวัตถุอื่นๆ อีกมากมาย หนังจันทร์แก้วร่ำรวยลูกศิษย์ ศิษย์ของหนังจันทร์แก้ว จำนวน 200 คน ช่วยสืบสานศิลปะอันอันล้ำค่าให้อยู่รอด และแผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง หนังจันทร์แก้วควรแก่การเชิดชูเกียรติเป็นอย่างยิ่ง

ปรีชา  ลุยจันทร์
ปรีชา ลุยจันทร์
 ล้อม  สระกำ
ล้อม สระกำ