|
ชื่อท้องถิ่น |
มะปิน (เหนือ), กะทันตาเถร ตุ่มตัง (ลานช้าง), ตูม (ปัตตานี), พะโนงค์ (เขมร), มะปิส่า (กะเหรี่ยง - แม่ฮ่องสอน) |
ชื่อวิทยาศาสตร์ |
Bael Tree / Bengal Quince Aegle Marmelos (L .) Correa |
วงศ์ |
RUTACEAE |
ชื่อสามัญ |
|
ลักษณะ |
ไม้ยืนต้นสูง 10 - 1 5 เมตร ใบประกอบแบบนิ้วมือ เรียงสลับ ใบย่อยรูปวงรี หรือรูปไข่แกมใบหอก กว้าง 2 -7 ซม. ยาว 4 - 13 ซม. ขอบใบหยักมน
ดอกออกเป็นช่อ ที่ซอกใบและที่ปลายกิ่งกลีบดอกด้านนอกสีเขียวอ่อน ด้านในสีนวล ใบและดอกมีกลิ่นหอม
ผลรูปกลมถึงรี เปลือกแข็ง เมื่อสุก เนื้อในสีเหลืองนวล มีน้ำเมือก รสหวานหอม มีเมล็ดจำนวนมาก
มะตูมมีหลายพันธุ์ ที่นิยมนำมาทำยาคือมะตูมนิ่ม ผลแก่จัดในเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม
|
การขยายพันธุ์ |
เพาะเมล็ด ตอนกิ่ง ตามธรรมชาติพบขึ้นทั่วไปตามป่าเบญจพรรณ |
ส่วนที่นำมาเป็นยา |
ผลโตเต็มที่ ฝานบาง ๆ ทำให้แห้ง |
สารเคมีและสารอาหารที่สำคัญ |
|
สรรพคุณทางยา และวิธีใช้ |
รักษาสิว : ใช้ผลสุก ผ่าครึ่งตักเนื้อออก เอาเปลือกฝนกับฝาละมี (ฝาหม้อดิน) ให้เป็นครีม ใช้แต้มหัวสิวก่อนนอน แล้วล้างออกในตอนเช้า จนหัวสิวหลุด
บำรุงครรภ์ : ใช้ เปลือกผล ฝนกับน้ำปูนใส ทาให้ทั่วท้องที่กำลังตั้งครรภ์ เพื่อช่วยบรรเทาความร้อน
รักษาแผลสด แผลเรื้อรัง : นำใบมาตำละเอียด พอกแผล
แก้ท้องเสียเรื้อรัง : ใช้ผลดิบ ฝานเป็นแผ่นบาง ๆ ตากแดดให้แห้ง แล้วคั่วให้หอม 1 กำมือ ต้มกับน้ำ 4 แก้ว ให้เดือดนาน 10 - 15 นาที ดื่มตอนอุ่น ๆ ครั้งละ 1 แก้ว ทุก ๆ 2 ชั่วโมง จนอาการบรรเทา
แก้ร้อนในกระหายน้ำ บำรุงหัวใจ : ใช้ผลแก่ ขูดผิวออกให้หมดทุบพอร้าว ใส่น้ำตาล เรียกว่า น้ำอัฐบาน หรือใช้ผลห่ามฝานเป็นแผ่นตากแดด ย่างไฟพอหอม ต้มหรือชงในน้ำร้อน เติมน้ำตาล ดื่มได้ทั้งร้อนและเย็น
แก้ท้องผูก : ผลสุก กินเนื้อครั้งละ 1 ลูก ดื่มน้ำตามมาก ๆ
|
ข้อควรรู้และควรระวัง |
ใบอ่อนนิยมนำมาจิ้มน้ำพริก ถ้ากินมากจะทำให้เป็นหมันหรือแท้งลูกได้ ดังนั้นหญิงมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยง
|