เมื่อพูดถึงพระพุทธเจ้าพอให้เห็นแนวกว้าง ๆ อย่างนี้แล้วก็ลองมาดูคุณสมบัติของผู้นำ หรือที่เรียกว่า "ภาวะผู้นำ" นั้น

 

ดังได้กล่าวแล้วว่า คุณสมบัติของผู้นำนั้น สัมพันธ์กับองค์ประกอบต่าง ๆ ในการนำ ซึ่งมีประมาณ 6 อย่างด้วยกัน ในที่นี้จะข้ามคุณสมบัติในตัวผู้นำเองไปก่อน  โดยจะขอเน้นในแง่ของคุณสมบัติในความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำกับผู้ที่ร่วมไปด้วย  เพราะข้อนี้เป็นองค์ประกอบสำคัญที่แสดงถึงการนำอย่างแท้จริง ในตอนหลัง ถ้ามีเวลาจึงจะบรรยายถึงคุณสมบัติของผู้นำเอง โดยพูดเน้นที่ตัวของเขา

 

ในความสัมพันธ์กับผู้ที่มาร่วมไปด้วยนี้ ก็มีเรื่องของการประสาน เพราะว่าผู้นำนั้นมีหน้าที่ที่จะมาประสาน และไม่ใช่มาประสานเฉย ๆ แต่มาประสานให้พากันไป โดยเดินหน้าหรือมุ่งหน้าไปสู่จุดหมายให้ได้

 

ในการประสานตัวผู้นำเข้ากับคนที่ร่วมไปด้วยนั้นก็รวมถึงการประสานคนกับคน คือ ประสานคนที่อยู่ด้วยกันทั้งหมดนั้นมีหน้าที่ที่มาประสาน และไม่ใช่มาประสานเฉย ๆ แต่มาประสานให้พากันไป โดยเดินหน้าหรือมุ่งหน้าไปสู่จุดหมายให้ได้

 

ในการประสานตัวผู้นำเข้ากับคนที่ร่วมไปด้วยนั้นก็รวมถึงการประสานคนกับคน คือ ประสานคนที่อยู่ด้วยกัน ทั้งหมดนั้นให้เข้ากันและร่วมกันไปได้ และการประสานคนกับสิ่งที่จะทำแต่เริ่มต้นการประสานตัวผู้นำเองกับคนที่ร่วมไปด้วยเป็นสิ่งที่สำคัญมากเรียกว่าเป็นแกนทีเดียว ถ้าไม่มีคุณสมบัตินี้แล้วก็จะไม่สามารถประสานอย่างอื่นได้

 

การประสานตัวของผู้นำกับผู้ที่จะร่วมไปด้วยนี้จะทำอย่างไร ก็เริ่มด้วยการที่ตนเองจะต้องมีคุณความดี ความรู้ ความสามารถ เป็นต้น อย่างเพียงพอ จนเรียกได้ว่าเป็นแบบอย่าง ซึ่งทำให้เขาเกิดศรัทธา ศรัทธานี้หมายความว่า ความมั่นใจ คือความมั่นใจในตัวผู้นำ ที่เชื่อว่าท่านผู้นี้จะสามารถแก้ปัญหา นำพาพวกเราไปได้ให้ถึงจุดหมาย ซึ่งทำให้พอใจ เต็มใจ และอยากร่วมไปด้วย

 

ถ้ามีความมั่นใจนี้ คือเกิดศรัทธาขึ้นมาแล้ว ศรัทธานั้นก็จะเป็นเครื่องนำเอาผู้ที่จะร่วมไปด้วยเข้ามาประสานกับตัวผู้นำ คือเขาพร้อมที่จะยอมรับฟัง และแม้แต่เชื่อถือเป็นต้น หมายความว่าศรัทธาเกิดขึ้นก็ทำให้เขายกบุคคลนั้นเป็นผู้นำ คือนำไม่ต้องไปแสดงตัวกับเขาว่าเป็นผู้นำ แต่จะเป็นผู้นำโดยเขาอยากให้มานำเขาไป ถ้าเป็นผู้นำโดยเขาอยากให้นำจะดีที่สุด หมายความว่าเขามีศรัทธาอย่างแท้จริงที่จะร่วมไปด้วย เท่ากับเขาร่วมกันยกขึ้นเป็นผู้นำ นี้เป็นประการที่ 1

 

ข้อต่อไป นอกจากว่าเขาจะศรัทธามีความมั่นใจในตัวผู้นำแล้ว ผู้นำก็จะทำให้เขาเกิดความมั่นใจในตัวเขาเอง ว่าเขามีศักยภาพ มีทุนแห่งความสามารถที่จะเอามาปรับมาจัดเอามาพัฒนาให้
สามารถทำกิจการงานนี้ให้สำเร็จ คือสามารถร่วมไปด้วยกัน(แต่ต้องระวังอย่าให้กลายเป็นมั่นใจแบบลำพองว่าเก่งดีสมบูรณ์แล้ว) ข้อนี้ก็สำคัญมากเหมือนกัน และถือว่าเป็นการประสานอย่างหนึ่ง โดยมุ่งที่ตัวเขาเอง ให้เขามีความมั่นใจในตนเองที่จะมาร่วมไปด้วยกัน

 

นอกจากนั้นก็คือ ช่วยให้เขาประสานกันเอง คือชักนำให้เกิดความสามัคคีพร้อมเพรียงกัน ทั้งประสานมือและประสานใจหรือร่วมมือร่วมใจกัน ข้อนี้เป็นเรื่องใหญ่มากทีเดียว คือการที่ว่าทำอย่างไรจะให้คนที่อยู่ร่วมกันในองค์กรหนึ่ง ๆ มีความสามัคคีกลมเกลียว มีความพร้อมเพรียง มีใจหนึ่งใจเดียวกัน รวมจิตรวมความคิดร่วมใจมุ่งสู่จุดหมายอันเดียว นี้เป็นหลักใหญ่ที่จะต้องใช้ธรรมมากมาย

 

ธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสเกี่ยวข้องกับการที่จะช่วยให้คนมาประสานกันและไปด้วยกันได้มีมากมายเหลือเกิด ซึ่งถ้ามีเวลาก็จะได้พูดข้างหน้า

 

ประการต่อไปก็คือ  ประสานคนกับสิ่งที่จะทำหรือประสานคนกับงาน คือนอกจากให้เขามีความมั่นใจในตนเองแล้ว ก็ให้เขามีความมั่นใจในงานหรือในสิ่งที่ทำด้วยว่า สิ่งนี้ดีแน่งานนี้จะทำให้เกิดประโยชน์สูงอย่างที่มุ่งหมายอย่างแท้จริง  ให้เขาเกิดความมั่นใจคุณค่าและประโยชน์ของสิ่งที่จะทำหรืองานนั้น  จนเขาอยากจะทำและเกิดความรักงาน เมื่อเขาเกิดความรักงานแล้ว ก็จะตั้งใจทำงาน

 

นอกจากความรักงานและตั้งใจทำงานแล้ว ก็ประสานความตั้งใจทำงานนั้นเข้ากับความมีกำลังใจในการทำงานด้วย คือให้เกิดกำลังใจ ซึ่งจะทำให้มีความกระตือรือร้น มีความตื่นตัว ที่ทางพระเรียกว่า มีความไม่ประสาท ไม่ให้เป็นคนเฉื่อยชา ความจริง เมื่อรักงานแล้วก็ทำให้พร้อมที่จะมีกำลังใจ แต่บางทีถ้าไม่หนุนขึ้นไปก็อาจจะชักเหยาะแหยะลงได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น จะต้องให้มีพร้อมทั้งรักงานตั้งใจทำงานและมีกำลังใจเข้มแข็งที่จะสู้งาน บุกฝ่าไปข้างหน้า ไม่ย่อท้อ ไม่ท้อถอย ไม่ท้อแท้

 

อีกประการหนึ่งในการทำงาน ตลอดจนในการเป็นอยู่ทั่วๆ ไป ผู้นำนั้นมุ่งหวังประโยชน์สุขแก่คนที่ตนเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือคนที่ร่วมไปด้วยกันกับตน เพราะฉะนั้น ผู้นำจึงต้องพยายามให้คนที่มาร่วมงานหรือร่วมอยู่ ได้พัฒนาตัวของเขาอยู่เสมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก  ไม่ใช่เพียงให้เขามาสละกำลังร่วมทำงาน แต่จะต้องหาวิธีการส่งเสริมสนับสนุนเอื้อโอกาสให้เขาพัฒนาตัวเองให้มีความเจริญงอกงามขึ้น เช่น เก่งขึ้น ดีขึ้น ทำงานได้ผลดียิ่งขึ้น มีความสุขมากขึ้น มีชีวิตที่ดีงาม  บรรลุประโยชน์สุขที่แท้จริงมากยิ่งขึ้น

 

การพัฒนาตนเองของคนก็จะมีผลต่องานด้วย โดยมาช่วยให้เขาทำงานได้ผลดี มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น  แต่ที่แท้ไม่ใช่แค่นั้น จะต้องไปให้ถึงประโยชน์สุขแห่งชีวิตของเขา คือ ให้ชีวิตของเขาก็ได้ด้วยทั้งได้ความดีงาม ได้ความเจริญ ได้ความสุข และได้พัฒนายิ่ง ๆ ขึ้นไป ฉะนั้น การเป็นผู้นำจึงหมายถึงการมีสายตาที่มองทั้งที่งานและมองทั้งที่คนควบคู่กัน ซึ่งจะเข้าหลักที่สำคัญต่อไป