![]() |
||
![]() |
||
ที่มา : มูลนิธิสุขภาพไทย [http://www.thaihof.org/heal/heal4.html] |
||
1. การทำความสะอาดทั่วไป |
||
|
วิธีที่ 1 |
ผสมสบู่เหลวหรือบอแรกซ์ 1 ช้อนชา ในน้ำอุ่น หรือน้ำร้อน 1 ลิตร เติมน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชูลงไป 1-2 ช้อนชา แล้วนำไปเช็ดถูบริเวณที่เป็นคราบไขมันสกปรก |
วิธีที่ 2 |
ผสม Washing Soda (hydrated sodium carbonate) ในน้ำอุ่น 1 ลิตร ใช้ได้กับทุกพื้นผิว ยกเว้นอลูมิเนียม |
|
2. วิธีกำจัดกลิ่นเหม็น/กลิ่นอับ |
||
วิธีที่ 1 |
หาแหล่งกำเนิดกลิ่นเหม็นให้พบ แล้วกำจัดออกไปให้สะอาด และเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก |
|
วิธีที่ 2 |
หมั่นทำความสะอาดบ้านเรือนและข้าวของเครื่องใช้ให้สะอาด และเปิดประตูหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทให้สะดวก |
|
วิธีที่ 3 |
ใช้น้ำส้มสายชูหรือผงฟู 2-4 ช้อนโต๊ะ ใส่จานแล้ววางไว้เพื่อดูดกลิ่น |
|
วิธีที่ 4 |
นำไม้ประดับมาตั้งวางเพื่อดูดกลิ่นและฟองอากาศ |
|
วิธีที่ 5 |
ใช้สมุนไพร หรือเครื่องเทศที่ให้กลิ่นหอมมาต้มแล้วตั้งวางไว้ |
|
3. การทำความสะอาดพื้น |
||
วิธีที่ 1 |
เช็ดถูด้วยน้ำธรรมด |
|
วิธีที่ 2 |
ใช้น้ำส้มสายชู 1 ถ้วย ผสมกับน้ำอุ่น 1 แกลลอน 5 ลิตร ถูทำความสะอาดพื้น |
|
4. การล้างจานชาม |
||
วิธีที่ 1 |
ใช้สบู่เหลวธรรมดาทั่วๆ ไปล้างจาน |
|
วิธีที่ 2 |
ใช้ฟองน้ำกับสบู่ก้อน |
|
วิธีที่ 3 |
ผสมน้ำส้มสายชู หรือน้ำมะนาว 1-3 ช้อน ลงกับสบู่เหลวล้างจานชามที่สกปรกมีคราบไขมันมาก |
|
วิธีที่ 4 |
การทำความสะอาดจานชามและอุปกรณ์ครัวที่ทำด้วยไม้ ให้ใช้มะนาวฝานเป็นชิ้นบางๆ แล้วขัดบนพื้นผิวของภาชนะเหล่านั้น ล้างออกแล้วเช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาดและอาจโรยเกลือตาม เพื่อดูดความชื้นจากไม้ก็ได้ นอกจากนั้นยังอาจใช้ผงฟูผสมกับน้ำเช็ดภาชนะที่ทำด้วยไม้ได้ผลดี |
|
วิธีที่ 5 |
ขจัดคราบตะกอนในกาน้ำ ให้ใช้น้ำส้มสายชูกลั่น 1 ถ้วยครึ่ง ละลายในน้ำเปล่า 1 ถ้วยครึ่ง เติมเกลือ 3 ช้อนชาลงในกาน้ำ ต้มให้เดือด 15 นาที ปล่อยทิ้งไว้ข้ามคืน 1 คืน จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด |
|
วิธีที่ 6 |
การล้างขวด ให้ใช้ทรายกรอกลงไปในขวดผสมกับน้ำ ปิดปากขวดด้วยฝ่าหนือมือ เขย่าแรงๆ คราบตะไคร่เขียวจะหลุดออก |
|
5. การทำความสะอาดท่อระบายน้ำ |
||
วิธีที่ 1 |
ใช้ไม้ปั๊ม หรืองูเหล็กดันหรือเขี่ยเศษอาหารอุดตัน |
|
วิธีที่ 2 | เทผงฟู 1 กำมือ และน้ำส้มสายชูครึ่งถ้วยลงในท่อระบายน้ำ ปิดปากรูให้แน่นด้วยเศษผ้าประมาณ 1 นาที ปฏิกิริยาระหว่างผงฟูกับน้ำส้มสายชู จะทำให้เกิดแรงดันในท่อระบายน้ำ และดันเศษอาหารที่อุดตันอยู่ออกไป แล้วเทตามด้วยน้ำร้อน | |
วิธีที่ 3 | เทเกลือและผงฟูอย่างละครึ่งถ้วยลงในท่อ แล้วเทน้ำเดือดตามลงไป 6 ถ้วย ทิ้งไว้ข้ามคืน จากนั้นราดน้ำแรงๆ ด้วยน้ำธรรมดา | |
วิธีที่ 4 | ทางที่ดีในการป้องกันไม่ให้ท่อระบายน้ำทิ้งอุดตัน ด้วยการใช้ตะแกรงกรองเศษผง เศษอาหาร เศษขยะ เศษเส้นผมไม่ให้ไหลลงสู่ท่อระบายน้ำ และไม่ควรเทกากของเสียประเภทไขมันลงในท่อ ควรทิ้งลงในถังขยะหรือถังน้ำมัน และควรพยายามใช้น้ำมันจนกว่าจะหมดคุณภาพ | |
6. การฆ่าเชื้อโรค |
||
วิธีที่ 1 | ชำระล้างข้าวของเครื่องใช้เป็นประจำด้วยสบู่และน้ำธรรมดา แล้วล้างอีกครั้งด้วยน้ำร้อน เพียงเท่านี้ก็สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราได้ | |
วิธีที่ 2 | ควรให้ข้าวของเครื่องใช้แห้งอยู่ตลอดเวลา เพราะแบคทีเรียและเชื้อราไม่สามารถมีชีวิตหรือเติบโตได้ในที่แห้ง | |
วิธีที่ 3 | ใช้บอแรกซ์ครึ่งถ้วยละลายในน้ำร้อน 1 แกลลอน (5 ลิตร) ใช้ล้างข้าวของเครื่องใช้ที่ต้องการฆ่าเชื้อโรคได้ | |
7. การขัดเงาพื้นและเฟอร์นิเจอร์ |
||
วิธีที่ 1 | ใช้ผ้านุ่มๆ เช็ดถูอย่างธรรมดาๆ | |
วิธีที่ 2 |
ใช้ผ้าชุบน้ำชาเช็ดถูพื้นเฟอร์นิเจอร์ |
|
วิธีที่ 3 |
ใช้น้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา น้ำมะนาว 1 ผล ผสมกับน้ำ 1 ช้อนชา ชุบด้วยผ้าใช้เช็ดถู |
|
วิธีที่ 4 |
ใช้น้ำมันพืช 1 ส่วน ผสมกับน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชู 1 ส่วน ชุบด้วยผ้าบางๆ ใช้เช็ดถู วิธีนี้ยังสามารถช่วยลบรอยขูดขีดได้ด้วย |
|
วิธีที่ 5 |
ใช้น้ำมันมะกอก 3 ส่วน ผสมกับน้ำส้มสายชู 1 ส่วน ชุบด้วยผ้าบางๆ เช็ดถู |
|
วิธีที่ 6 |
กรณีที่มีรอยสกปรกจากคราบไขมัน ให้รีบเทเกลือลงไปบนรอยเปื้อนทันทีเพื่อให้ดูดซับคราบไขมัน และป้องกันไม่ให้เกิดคราบฝังแน่น |
|
8. การเช็ดกระจก |
||
วิธีที่ 1 |
ใช้น้ำส้มสายชูผสมกับน้ำอย่างละ 1 ส่วน ชุบด้วยผ้านนุ่มๆ เช็ดกระจกหรือจะใส่กระบอกฉีดๆ ที่กระจก แล้วใช้ผ้านุ่มเช็ดตาม |
|
วิธีที่ 2 |
หากใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำเช็ดกระจกแล้ว อาจจะเกิดคราบจากน้ำที่เช็ดเนื่องจากคราบตกค้างของน้ำยาเช็ดกระจกแบบที่มีส่วนผสมของสารเคมีตกค้างอยู่ จึงควรเช็ดออกก่อนด้วยแอลกอฮอล์ก่อน |
|
วิธีที่ 3 |
สำหรับกระจกที่เป็นฝ้ามัว ให้ใช้ผ้าเปียกถูกับสบู่ก้อน แล้วเช็ดบนกระจก จากนั้นล้างออกแล้วเช็ดตามตามด้วยผ้าแห้ง |
|
วิธีที่ 4 |
รอยขูดขีดบนกระจกให้ใช้ยาสีฟันถู แล้วใช้ผ้านุ่มเช็ดเบาๆ |
|
9. ทำความสะอาดพรม เฟอร์นิเจอร์ เบาะ นวม |
||
วิธีที่ 1 |
การดูดกลิ่นให้ใช้ผงฟูหรือแป้งข้าวโพดโรยบนพรม โดยใช้อัตราส่วน 1 ถ้วย ต่อพื้นที่ห้องขนาดกลาง ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออก ถ้ากลิ่นติดแน่นให้โรยทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วจึงดูดออก |
|
วิธีที่ 2 |
การขจัดคราบเลือด ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นเช็ดเบาๆ จนกว่าจะหมด |
|
วิธีที่ 3 |
คราบเหนียวเหนอะหนะ ใช้ผงฟูทาทับรอยเปื้อน แล้วใช้มือถูเบาๆ ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วจึงเช็ดออก ทาซ้ำอีกถ้ารอยเปื้อนยังไม่หมด |
|
วิธีที่ 4 |
คราบไขมัน ใช้แป้งข้าวโพดทาทับรอยเปื้อน ทิ้งไว้สัก 1 ชั่วโมง จากนั้นเช็ดออก |
|
วิธีที่ 5 |
คราบเขม่าหรือเถ้าถ่าน ใช้เกลือทาทับบางๆ แล้วเช็ดออก |
|
วิธีที่ 6 |
คราบปัสสาวะของเด็ก หรือสัตว์เลี้ยง เช็ดด้วยน้ำธรรมดา 1 ครั้ง จากนั้นใช้น้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ ผสมกับสบู่เหลว 1 ช้อนชา เช็ดถูบริเวณรอยเปื้อน ทิ้งไว้ 15 นาที จึงเช็ดออก |
|
10. การกำจัดมด แมลงสาบ ยุง มด |
||
วิธีที่ 1 |
ใช้ฟองน้ำเปียกๆ เช็ดตามทางมด มดจะหาทางเดินไม่เจอ |
|
วิธีที่ 2 |
โรยพริกป่น สะระแหน่แห้ง กากกาแฟ ตามบริเวณที่มดเดินหรือบีบมะนาวตามรูเข้าของมด แล้วทิ้งเปลือกมะนาวไว้ตรงนั้น ปลูกสะระแหน่ไว้รอบบ้าน มดจะไม่เข้าใกล้ |
|
วิธีที่ 3 |
ใช้ผงฟูโรยตามทางของมด ใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำเช็ดตามทางเดินมด แมลงสาบ |
|
วิธีที่ 4 |
ใช้ข้าวโอ๊ตหรือแป้งข้าวโพดผสมปูนปาสเตอร์ในอัตราส่วนเท่าๆ กัน โรยบริเวณที่แมลงสาบมารบกวน เมื่อแมลงสาบกินเข้าไปปูนพลาสเตอร์จะแข็งตัวแมลงสาบจะตาย |
|
วิธีที่ 5 |
ใช้ผงฟูผสมกับน้ำตาลทรายอย่างละเท่าๆ กัน โรยบริเวณที่แมลงสาบมารบกวน |
|
วิธีที่ 6 |
ใช้แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ บอแร๊กซ์ 4 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากันใช้โรยบริเวณที่แมลงมารบกวน ยุง |
|
วิธีที่ 7 |
เอาตะไคร้หอมหั่นแล้วตำ คั้นเอาแต่น้ำแล้วนำไปเคี่ยวจนเป็นน้ำมันใช้ทาผิวหนังกันยุง |
|
วิธีที่ 8 |
ใช้กาบมะพร้าวหรือเปลือกส้มตากแห้งสุมไฟ เพื่อให้เกิดควันไล่ยุง |
|
วิธีที่ 9 |
ปลูกต้นแก้วหรือต้นราตรีไว้บริเวณปากประตู หน้าต่าง จะช่วยไล่ยุงได้ |