|
"หวัด" โรคก่อกวนของผู้อ่อนแอ |
ช่วงนี้เป็นช่วงที่อากาศแห้ง บางวันเย็น บางวันก็ร้อนทำให้ร่างกายต้องปรับตัว มากเป็นพิเศษ เป็นโอกาสที่จะเป็นหวัดแถมยังอยู่ในเทศกาลเลี้ยง สังสรรค์ ได้พบปะผู้คนมากมายจึงอาจติดหวัดกันได้ง่ายดายเสียด้วย |
"หวัด" ดูจะเป็นโรคที่อยู่คู่มนุษย์มาตลอดจนเคยชินไปเสียแล้ว แต่ก็ยังมีแง่มุม น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการรักษาที่มีให้เลือกทั้งแผนปัจจุบัน และแบบ ทางเลือก (Conventional & Alternative treatment) รวมถึงแนวทาง จะป้องกัน ตัวเองจากหวัด |
โรคหวัดโดยทั่วไปเกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งมีมากกว่า 200 ชนิด ถ้าเป็นหวัดมากๆ อาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อนได้ สำหรับไวรัสนี้ก็มีข้อดี คือ ร่างกายของเรา สามารถจัดการกับมันได้เอง ส่วนข้อเสีย คือ ยังไม่มียาที่จะรักษามันได้อย่างเด็ดขาด |
การติดต่อส่วนมากติดต่อทางการหายใจ อาการของหวัดทุกคนเคยสัมผัสกันมาแล้ว ทั้งเป็นไข้ ร้อนผ่าว ปวดศีรษะ หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามตัว เจ็บคอ ไอ จาม แน่นจมูก แน่นหน้าอก แสบตา น้ำตาไหล แล้วเราควรจะไปพบหมอเมื่อไร คำถามนี้บางที ก็ตอบยากแต่มีข้อแนะนำไว้เป็นแนวทางดังนี้ |
เกิดขึ้นในเด็กเล็กๆ (น้อยกว่า 3 เดือน) |
มีอาการปวดบริเวณโพรงอากาศ รอบตาเวลากดเบาๆ อาจเป็นไซนัสอักเสบ |
เมื่อมีอาการเจ็บคอ/ น้ำมูกเหลืองหรือเขียว/ มีไข้มากกว่า 38.3 c ซึ่งอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรีย, หลอดลมอักเสบ, ไซนัสอักเสบ ร่วมด้วย |
เมื่อมีไข้มากกว่า 39.0c ควรพบแพทย์ทันทีเพราะอาจมีปอด อักเสบ หรือการติดเชื้อชนิดอื่น เช่น ไข้เลือดออก |
อาการหายใจลำบาก/ มีเสียงวี๊ดเวลาหายใจ ซึ่งอาจเป็นโรค หอบหืด (asthma) |
อาการที่เป็นหวัดเกิดขึ้นทันทีเมื่อเจอบางสิ่ง เช่น เกสรดอกไม้ ขนสัตว์เลี้ยง น้ำหอม ซึ่งอาจเป็นโรคภูมิแพ้ (Allergy) |
เลือกรักษาอย่างไรให้เหมาะ |
การรักษามีหลายรูปแบบ ทั้งแผนปัจจุบันและแบบทางเลือก แต่ล้วนมีจุดประสงค์ เดียวกัน นั่นคือ ช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้ ในขณะเดียวกันก็ลด อาการต่างๆ ของหวัด ดังนั้นถ้าหวัดถามหาให้ปฏิบัติตัวดังนี้น่าจะดีขึ้น |
พักผ่อนให้เพียงพอ อาจต้องนอนมากกว่าวันละ 12 ชั่วโมง |
ดื่มน้ำมากๆ เพราะว่า เมื่อเวลามีไข้ ร่างกายจะสูญเสียน้ำมาก น้ำยังช่วยให้เสมหะและน้ำมูกไม่ข้นมากจึงถูกขับออกมาง่าย |
สตรีที่ตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อน การใช้ยาหรือสมุนไพรใดๆ |
ป้องกันตัวห่างโรคหวัด |
เนื่องจากส่วนมากโรคหวัดเกิดจากเชื้อไวรัส เพราะฉะนั้นการป้องกันที่ดีคือ ทำให้ร่างกายแข็งแรงไว้ก่อนมีภูมิคุ้มกันที่ดี ผมขอแนะนำดังนี้ |
ในช่วงอากาศหนาวเย็น ควรสวมเสื้อผ้าให้อบอุ่น |
รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยให้มีความหลากหลาย เน้น ผักสด ผลไม้มากๆ |
ดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว |
งดสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคือง ต่อระบบทาง เดินหายใจ ทำให้เพิ่มโอกาสติดเชื้อมากกว่าคนไม่สูบ |
ออกกำลังกายปานกลาง และสม่ำเสมอ เช่น เดินเร็วประมาณวันละ 30-45 นาที สัปดาห์ละ 3-5 วันจะช่วยทำให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรงดีขึ้น |
การเข้าเซาวน่า อาจจะช่วยได้ นักวิจัยชาวสวีเดนพบว่า การเข้า เซาวน่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ จะช่วยลดโอกาสเป็นหวัดให้น้อยลงได้ แต่ไม่ได้หมายว่าตัวคุณเป็นหวัดแล้วไปเข้าเซาวน่านะครับ เพราะช่วงนั้นร่างกายคุณจะอ่อนแอ กลับทำให้ได้รับเชื้อโรค จากเซาวน่าเข้ามาแทน |
ขณะเดียวกันถ้าคุณไอหรือจามก็จะแพร่เชื้อหวัดให้คนอื่นในนั้นด้วย |
หลีกเลี่ยงและอย่าใช้สิ่งของรวมกับคนที่กำลังเป็นหวัด |
ขอย้ำว่าเราทุกคนสามารถห่างไกลจากหวัดได้ถ้าดูแลรักษาสุขภาพแข็งแรงเสมอ ต้นเสมอปลาย หรือเมื่อเป็นแล้วก็รีบรักษาแต่เนิ่นๆ ก็จะประหยัดทั้งเวลาและ ราคาค่ายา ส่วนจะเลือกแบบไหน แผนปัจจุบันและแบบทางเลือก หรือจะผสมผสาน ก็ขึ้นอยู่ ประสบการณ์ ความเหมาะสม ความเชื่อและวัฒนธรรมของแต่ละคน แต่ถ้าไม่ไหว แล้วจงอย่าทน ไปพบแพทย์รักษามั่นใจที่สุดครับ |
ข้อมูล :Health 2 day |