คิดได้ " คิดดี" ชีวีมีสุข

ต่างคนต่างความคิด ต่างจิตต่างใจ รู้หน้าไม่รู้ใจ เป็นคำคมอมตะที่ใช้ได้ทุกกาล

คนเราเรียนรู้ และเลียนแบบวิธีการคิดกันได้จากคนที่คลุกคลีด้วยตั้งแต่วัยเด็ก จึงไม่แปลกที่ลูกจะมีวิธีคิดเหมือนพ่อแม่ แต่ความคิดก็ถูกพัฒนาได้อีกจากการอบรมสั่งสอน เช่น จากครู ดังนั้นถ้าเราได้ต้นแบบดี ความคิดของเราก็จะมีอิสระเสรี สร้างสรรค์ เป็นตรรก และเฉียบคม ตรงกันข้ามถ้าได้ต้นแบบที่ไม่ดี เช่นอยู่หรือเติบโตขึ้นมากับคนที่มีความคิดสับสน ไร้เหตุผล และคิดแง่ลบตลอดก็มีโอกาสที่จะเลียนแบบการคิดและนิสัยอย่างนั้นมาด้วย

ดังนั้นการมีชีวิตอยู่กับความคิดดีๆ นับว่าประเสริฐที่สุด เพราะสุขใจตัวเองและคนรอบข้าง

เพื่อให้ได้ประโยชน์จากการคิดดีๆ ก่อนอื่นคุณจะต้องตัดสินตัวเองให้ได้ก่อนว่า คุณเป็นคนมีนิสัยการคิดแบบไหน? เป็นคนคิดดีมาก่อนหรือเปล่า? ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องยากเลยลองดูสิ ลองทบทวนประโยคคำพูดสุดท้ายของตัวคุณเองที่พูดออกไป ฟังเสียงตัวเอง มันอาจจะเป็นกุญแจที่บ่งชี้ว่า คุณมีความคิดแบบยึดติด "ปิดตาย" อยู่หรือเปล่า ถ้าใช่ คุณมองโลกแคบไปหน่อยหรือไม่ คุณเป็นคนชนิดที่ชอบคิดว่า "ไม่ดีกว่านี้แน่" หรือ "ไม่มีทาง" หรือเปล่า ถ้าใช่ความคิดของคุณค่อนข้างจะเป็นลบนะ เปลี่ยนวิธีคิดใหม่แบบมองโลกในแง่ดีมากขึ้น คุณจะเห็นว่าอะไรรอบๆ ตัวนั้น มีหนทางสดใสน่าสนใจอีกมาก ปัญหาบางอย่างอาจจะเลือนหายไปโดยอัตโนมัติก็เป็นได้

แล้ว " คิดดี" คิดได้อย่างไร? ไม่ยากเพราะมันมีองค์ประกอบอยู่ไม่กี่ข้อเท่านั้น ลองดู...

เก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุด

โลกนี้ไม่ได้ร้ายไปเสียหมดถ้าคุณเปิดใจยอมรับข้อมูลใหม่ๆ ไม่ว่าเรื่องใดก็ตามหากปราศจากข้อมูลมันก็ยากแก่การตัดสินใจ ยากที่จะคิดตาม ซึ่งอาจทำให้การสร้างความคิดด้านบวกไม่ดีเพียงพอ ในบางกรณีก่อนที่จะตัดสินอะไรคุณต้องรู้จักถามเพื่อให้ได้ข้อมูลมากที่สุด แม้ว่าอาจไม่ชอบคำตอบที่จะได้สักเท่าไร แต่อย่างน้อยคุณก็จะได้รู้มากขึ้น มีมูลเพียงพอที่จะคิดใหม่ ทำใหม่ คุณก็ไม่ต้องเป็นทุกข์เพราะความระแวง กลัว กังวล หรือลังเลมากนัก

ตัวอย่างจากเรื่องใกล้ตัว...สามีกลับบ้านดึกบ่อยๆ ถ้าเขาบอกว่ามีงานยุ่ง ถ้าคิดอย่างลบๆ ทันทีว่าเขามีเมียน้อยแน่ๆ แล้วมาโกหกคุณ นั่นเท่ากับว่าคุณใช้ความเชื่อส่วนตัว ด้วยเหตุผลและข้อมูลที่น้อยเกินไป คุณควรจะปรับความคิดเสียใหม่จงเชื่อในสิ่งที่เขาบอกก่อนตราบที่คุณยังไม่มีข้อมูลมากกว่านี้ เชื่อว่าเขาต้องสะสางงานมากจริงๆ คิดแง่ดีไว้ก่อนแล้วถ่ายทอดความรู้สึกดีๆ ให้กับเขาหมั่นถามไถ่เป็นห่วงเป็นใยเขาอยู่เสมอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ไร้ความหวาดระแวง คุณจะได้ข้อเท็จจริงจากปากเขา ส่วนเขาก็จะได้รับความรู้สึกดีๆ จากคุณ วันต่อไปเขาก็จะได้เร่งทำงานให้เสร็จไวๆ เพื่อกลับบ้านมาหาคุณเร็วขึ้น แต่ถ้าคุณคิดแบบติดลบไปก่อนเลยว่า พ่อตัวดีโกหกแหง๋ๆ แล้วเอาแต่ประชดประชันเหน็บแนม จับผิด ทั้งที่สามีคุณมีงานยุ่งจริงๆ ก็อาจจะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เขารีบไปมีเมียน้อยประชดใส่คุณเสียเลย แล้วใครเล่าที่มานั่งเสียใจ

รู้อารมณ์ตัวเอง

เมื่อคุณเหนื่อย เครียด หรืออารมณ์เสีย ความคิดความอ่านต่างๆ ย่อมเป็นไปในเชิงบวกได้ลดลงโดยธรรมดา ตราบเมื่อคุณได้ผ่อนคลาย พักผ่อน และมีความสุขมากขึ้น ความคิดก็จะเป็นบวกสะดวกยิ่งขึ้น การตัดสินใจ การวางแผนใดๆ ก็จะถูกต้องขึ้น อยู่บนพื้นฐานของความจริงมากขึ้น

ตัวอย่าง... ถ้าคุณอารมณ์เสียมาจากลูกค้าข้างนอก พอกลับเข้าบริษัทลูกน้องเข้ามาปรึกษาปัญหาที่คุณต้องตัดสินใจ คุณควรจะรู้อารมณ์ตัวเองว่า คุณพร้อมที่จะรับฟังเขาหรือไม่ เพราะตราบใดที่คุณคิดการณ์ใดด้วยอารมณ์ค้างหงุดหงิดฉุนเฉียว ความคิดสร้างสรรค์ของคุณที่จะช่วยแก้ไขปัญหาได้นั้นมันก็อาจจะมีประสิทธิภาพไม่ดีพอ ดังนั้นการจะคิดดีได้ต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้เสียก่อน มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเคยเอ่ยว่า "โมโหโกรธาไป ก็เท่ากับเผาหัวใจตัวเอง" แล้วคุณจะเผาหัวใจดวงน้อยของตัวเองไปใยเล่า

ใช้ประสบการณ์ให้เป็นประโยชน์

คนเราทุกคนย่อมกลัวในสิ่งที่ไม่รู้ หรือไม่เคยลองมาก่อน คุณอาจเชื่อว่าคุณไม่มีความสามารถทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ได้ เพราะไม่เคยพยายามหรือทำมาก่อน จึงตัดสินตัวเองก่อนเลยว่า"ทำไม่ได้แน่" หรือ "แก้ไขไม่ได้หรอก" ฟังดูติดลบยังไงพิกล ก่อนตัดสินใจลองคิดใหม่และใช้ประสบการณ์เป็นตัวช่วยในการจัดการและรับมือกับสิ่งใหม่ๆ นั้น มองมันในแง่ดีไว้ก่อนให้โอกาสที่จะเรียนรู้ให้มากขึ้น คุณก็จะเข้าใจมันได้ ลองดูก่อนที่จะบอกว่า "ทำไม่ได้" หรือ "แก้ไม่ได้" แม้ว่ามันจะล้มเหลวก็อย่าไปกลัว คุณต้องขยายวิสัยทัศน์และเส้นรอบวงที่ขีดจำกัดตัวเองให้กว้างออกไปอีก เพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ให้กับตัวเอง

เช่น คุณได้รับมอบหมายจากเจ้านายให้ติดต่อลูกค้ารายหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าเขี้ยวรากดิน เพื่อนร่วมงานของคุณไม่เคยมีใครได้งานจากคนนี้เลยสักครั้ง แน่นอนคุณย่อมต้องกลัว กังวล เป็นธรรมดา ไม่ผิดที่จะคิดว่า "ฉันทำไม่ได้แน่" แต่ถ้าคุณยังเป็นคนมองโลกในแง่ดีอยู่บ้าง และมีสัญญชาตญาณของความท้าทายเติมไปอีกหน่อย คุณก็สามารถเปลี่ยนความคิดได้ใหม่เป็น"ลองดูก็ได้" ใช่ คุณอาจต้องทำใจดีสู้เสือบ้าง คุณต้องเก็บข้อมูลลูกค้ารายนี้จากเพื่อนร่วมงานของคุณให้มากที่สุด ผนวกกับใช้ประสบการณ์ของคุณเป็นตัวช่วยวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งของเขา แล้วหาช่องว่างเพื่อให้เข้าถึง...ผลจะเป็นอย่างไร ถ้าไม่ลองไม่รู้ แต่ประสบการณ์และข้อมูลที่คุณมีนั้นมีประโยชน์กับคุณแน่นอน

คำนึงความรู้สึกของคนรอบข้าง

จำไว้เลยว่าการแสดงออกมาจากความคิด สิ่งที่แสดงออกคือผลของความคิด(ยกเว้นบุคคลประเภทรู้หน้าไม่รู้ใจ) ดังนั้นแน่นอนคนรอบตัวคุณหรือคนที่มีปฏิสัมพันธ์กับคุณ ย่อมรับรู้และสัมผัสได้ถึงความคิดคุณผ่านทางการแสดงออก หากว่าคุณมีความคิดในแง่ลบ เช่น มีอคติกับภรรยาคนใหม่ของพ่อ ทั้งที่คุณไม่รู้จักเธออย่างลึกซึ้งมาก่อน คุณก็จะคอยตั้งแง่อยู่ตลอดเวลาว่าเธอคนนี้มาแย่งความรักของคุณไป โดยแสดงออกถึงความไม่พอใจอยู่เสมอ แน่นอนเธอคนนั้นย่อมรู้สึกได้ และก็หนีความเจ็บปวดไปไม่พ้นที่ไม่ได้รับการยอมรับจากคุณ ทั้งพ่อ ภรรยาคนใหม่ และตัวคุณเองก็จะอยู่ร่วมกันอย่างไม่มีความสุข ทุกคนรอบตัวคุณจะยิ่งทุกข์ระทมกับความคิดแง่ลบของคุณมากเท่าที่คุณแสดงออกมา เราควรจดจำไว้ในใจเสมอว่าการใช้ความเกรี้ยวกราดหรือคิดร้ายกับคนอื่นนั้นไม่เป็นผลดีทั้งต่อตัวเองและคนรอบข้างแต่อย่างใด คุณควรเปิดใจให้เธอคนใหม่ของพ่อคุณแสดงความเป็นตัวเองออกมาบ้าง แล้วคุณอาจจะได้พบกับอีกหนึ่งคนในโลกที่มีความหมายสำหรับชีวิตคุณก็เป็นได้

การมองโลกในแง่ดี คิดในด้านบวกไว้ก่อนเท่ากับเป็นการเปิดโอกาสตัวเองและคนที่เกี่ยวพันให้ได้พบสิ่งใหม่ๆ มุมมองใหม่ๆ ไม่ว่าจะออกมาดีหรือเลว จะเลือกรับหรือตัดทิ้งนั่นเป็นผลหลังกระบวนการคิดดีและได้ปฏิบัติแล้วเท่านั้น


ที่มา  : Health today