|
อยู่อย่างสุขและสง่างามสมตามวัย |
ผมได้ไปประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษากรมสุขภาพจิตครั้งล่าสุด ซึ่งมีศาสตราจารย์ นายแพทย์ประสพ รัตนากร เป็นประธาน ท่านได้มอบหนังสือเรื่อง สุขใจในวัยงาม ให้ผม หนังสือเล่มนี้จัดพิมพ์ขึ้น เนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ปี 2545 นี้ โดยมูลนิธิรัฐบุรุษ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ผมเห็นว่าเป็นหนังสือที่ดีมีประโยชน์ทั้งในด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิต โดยเฉพาะกับท่านผู้สูงอายุ มาเสนอท่านผู้อ่านอีกครั้งหนึ่งครับ |
ประเทศไทยของเรายังถือเอาอายุ 60 ปีขึ้นไปเป็นวัยสูงอายุเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ปัจจุบันอายุขัยของคนไทยเราสูงขึ้นกว่าเมื่อ 50 ก่อนถึง 20 ปี คือเพศชายเป็น 68 ปี เพศหญิง 72 ปี ที่เป็นเช่นนี้ เพราะคนไทยมีความรู้และยอมรับในการดูแลรักษาสุขภาพอย่างสมัยใหม่มากขึ้น รวมถึงวิทยาการทางการแพทย์แผนปัจจุบันก็ดีขึ้นด้วย มีรายงานว่า ปัจจุบันคนเราสามารถทำงาน ได้อย่างมีคุณค่าจนถึงอายุ 80 ปีครับ |
จำนวนผู้สูงอายุมีมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะนี้พลเมืองโลกมีผู้สูงอายุอยู่ร้อยละ 10 หรือราว 600 ล้านคน แต่อีก 40 ปีข้างหน้าจะมีจำนวนถึงร้อยละ 25 ทีเดียวครับ สิ่งนี้เองกระตุ้นให้หลายๆ วงการ เช่น วงการพัฒนาแรงงาน พัฒนาชุมชน และการส่งเสริมสุขภาพ ให้ความสำคัญกับผู้คนในวัยนี้เป็นอย่างมาก |
ตัวผมเองอยากให้ท่านผู้อ่านได้ตระหนักถึงคุณค่าของผู้อยู่ในวัยนี้ ว่ายังทำอะไรๆ ได้อีกมากครับ |
1. สามารถทำประโยชน์ให้กับครอบครัวและสังคม ทั้งยังเป็นคลังสมองได้อย่างดี |
2. มีอารมณ์หนักแน่นมั่นคง สามารถรักษาอารมณ์ให้สงบอยู่เสมอ ไม่ใจน้อยวู่วาม ไม่โกรธง่าย จึงถือเป็นเสาหลักของครอบครัวได้ |
3. การมีงานอดิเรกทำตามความถนัด นอกจากทำให้เพลิดเพลิน ไม่รู้สึกเหงาแล้ว ยังสามารถทำรายได้อีกด้วย |
4. ได้ติดต่อกับญาติสนิทมิตรสหาย ไปมาหาสู่ ไม่เก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน พูดคุยกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ทำให้มีความทันสมัย รอบรู้สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมได้อย่างถูกต้อง |
5. การหมั่นดูแลสุขภาพตนเอง ไม่ปล่อยให้เจ็บป่วยอยู่นานโดยไม่เล่าให้ลูกหลานฟัง หรือปรึกษาหารือกับแพทย์ เพื่อไม่ให้โรคเป็นมากจนต้องเป็นภาระหนักกับลูกหลาน และการรักษาเสียแต่เนิ่นๆ ยังสามารถช่วยประหยัดงบประมาณของชาติด้วยนะครับ |
สมัยนี้ท่านผู้สูงอายุส่วนมากแล้วจะมองดูกระฉับกระเฉงอ่อนกว่าวัย มีความคิดอ่านทันสมัย สามารถทำงานอาชีพเดิมได้ อย่างเช่น เป็นครู แพทย์ ทนายความ เป็นต้น ท่านผู้อ่านจะเชื่อหรือไม่ครับ ตัวผมหลังมีอายุครบ 60 ปีแล้ว ก็สามารถสอนหนังสือ และรักษาผู้ป่วยได้ ที่สำคัญคือ ผมเข้าใจถึงจิตใจและคำพูดของคนไข้ได้มากขึ้น จึงให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ได้ดีขึ้น ยังไประชุมทางวิชาการ ทางการบริหาร เป็นประธานดำเนินการประชุมให้ชมรม สมาคม และมูลนิธิทางการแพทย์ได้ดีพอควร ผมจึงเชื่อว่าท่านผู้สูงอายุในเมืองไทยท่านอื่นๆ ก็จะสามารถทำงานให้เป็นประโยชน์แก่ครอบครัวและสังคมได้เช่นกัน |
ท่านผู้สูงอายุครับ ผมขอให้ท่านนั่งเงียบๆ สำรวจตัวท่านเอง ว่ามีอารมณ์อย่างไร อ่อนไหวหรือไม่ ใครพูดอะไรไม่ถูกหู โดยเฉพาะลูกเมีย ลูกน้อง จะแสดงความไม่พอใจทันที ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ พร้อมกับแสดงออกด้วยสีหน้า ท่าทาง คำพูด และการกระทำ ถ้าท่านเป็นเช่นนี้คงจะไม่มีใครอยากใกล้ชิด อยากคุยด้วย ผมขอให้ท่านมาควบคุมอารมณ์ให้ดีกันเถิดครับ รู้จักเอาใจ เขามาใส่ใจเรา เข้าใจจิตใจมนุษย์ คิดอย่างมีเหตุผล มองคนในแง่ดี และให้อภัยผู้อื่นได้ ท่านก็จะได้รับการกล่าวถึงในแง่ดี มีผู้คนอยากมาพูดคุยใกล้ชิดด้วย ท่านจะเป็นผู้สูงอายุที่มีความสุข มีผู้มองเห็นคุณค่าของท่าน อะไรจะทำให้เกิดสุขในยามนี้ได้เหมือนกับการมีผู้คนมาใส่ใจ โดยเฉพาะลูกๆ หลานๆ มานห้อมล้อมหน้าหลัง |
การหางานอดิเรกก็ทำตามที่ตนเองถนัด และเพื่อใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ ไม่ให้ว่างจนเกินไป แต่ต้องไม่เครียด จะสามารถสร้างความเพลิดเพลินและความสุขให้กับชีวิต แม้ผู้ที่ไม่มีความรู้ในงานใดมาก่อน แต่ถ้าสนใจไปเข้าฝึกอบรม หัดทำ ก็จะสามารถทำได้ ยกตัวอย่างเช่น งานศิลปหัตถกรรม วาดรูป เล่นดนตรี เป็นต้น หลายท่านเพิ่งมารู้ว่าตนเองมีพรสวรรค์ในด้านนี้ เพราะเรียนรู้ไว ทำได้ดี หนำซ้ำยังนำผลงานออกแสดงและจำหน่ายได้เงินอีก เวลาผ่านไปโดยไม่เหงา ทั้งยังได้รับคำชมเชยจากผู้ใกล้ชิด เกิดความภูมิใจในตนเอง |
ท่านผู้สูงอายุสามารถไปไหนมาไหน พูดคุยกับใครได้เหมือนเดิมนะครับ อย่าเก็บตัวเองอยู่แต่ในบ้าน ท่านไปงานสังสรรร่วมประชุม เยี่ยมญาติมิตร พูดคุยหยอกล้อกันได้ หากใครต้องการความช่วยเหลือที่ท่านพอช่วยได้ก็ไม่ควรปฎิเสธ ทำแล้วท่านจะรู้สึกสุขใจแต่มีบางสิ่งบางอย่างที่ผมมีประสบการณ์ และไม่เสนอแนะให้ทำ คือการให้ยืมเงินจำนวนมากๆ เพราะผู้สูงอายุมีความจำเป็นที่จะต้องนำเงินก้อนนี้มาไว้ใช้จ่ายของตนเอง ถ้าสงสารอยากให้ใครบ้าง ก็ทำได้ตามกำลังทรัพย์ที่มีและโดยที่ท่านจะไม่ต้องเดือดร้อน |
มีคำพูดที่ว่าอายุเป็นเพียงตัวเลขนั้นเป็นความจริงทีเดียวครับ ท่านผู้สูงอายุยังสามารถเรียนรู้ ติดตามข่าวสารที่เกิดขึ้นทั้งในเมืองไทยและทั่วโลกได้เสมอ ควรทำตัวให้ทันสมัย ไม่ติดอยู่ในกรอบของวัฒนธรรมจนมากเกินไป รู้จักปรับตัวทั้งในการแต่งกาย การเข้าสังคม การสังสรรกับบุคคลอื่น มีท่านผู้สูงอายุที่แม้จะมีอายุกว่า 80 ปีแล้ว ก็ยังสามารถทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมได้เหมือนเดิมครับ ยังไปสอน บรรยาย อภิปราย ให้เป็นที่พออกพอใจของผู้ฟังอยู่เสมอ ด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง แต่งกายทันสมัยเสียด้วย นี่แหละครับเป็นตัวอย่างของผู้สูงอายุที่มีคุณค่าต่อสังคม |
อโรคยา ปรมาลาภา ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ทุกคนจึงต้องให้ความสำคัญกับสุขภาพของตนเอง หมั่นดูแลให้อยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ ผู้สูงอายุหลายท่านยังคงแข็งแรง ไม่ใคร่เจ็บป่วย เมื่อไม่สบายเล็กน้อยก็ไม่ทิ้งไว้นาน รับไปรักษา ตรวจโรคประจำปีสม่ำเสมอ รักสุขภาพด้วยการกินอาหารถูกสุขลักษณะครบ 5 หมู่ ที่ย่อยง่าย จะทำให้ท้องไม่ผูก ออกกำลังกายสม่ำเสมอเหมาะสมตามวัย เข้านอนเป็นเวลา ทุกคืนสวดมนต์ภาวนาทำใจให้สงบ หลับให้ได้คืนละ 6 ชั่วโมง และงีบตอนบ่ายอีกเล็กน้อย ปฎิบัติตนตามคำแนะนำของแพทย์ หากทำได้เช่นนี้ผมยืนยันได้ว่า ท่านจะมีร่างกายแข็งแรง จิตใจเข้มแข็ง ไม่ทำให้ลูกหลานต้องเป็นกังวลกับท่านเลย |
ท่านผู้อ่านครับ ไม่ว่าท่านจะมีอายุตามตัวเลขมากเท่าใด ท่านก็ยังสามารถทำตนให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นได้เสมอครับ หากท่านได้ปฎิบัติตนตามหลักการดำเนินชีวิตในวัยสูงอายุอันมีคุณค่า 5 ประการของผมนี้ |
ข้อมูลจาก : นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 91 |
 |