 |
|
เด็กๆ เหล่านั้นก็ทนกันเสียจริงๆ ไม่ค่อยเจ็บไม่ค่อยไข้กันหรอกครับ ไม่เหมือนเด็กๆ ลูกท่านหลานเธอ เป็นอะไรนิดอะไรหน่อยก็ต้องถึงมือหมอ
|
ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย แต่อากาศโดยรอบก็ยังร้อนอบอ้าว ตามแบบฉบับบ้านของเรา รอบๆ เพิงพักที่สร้างขึ้นอย่างง่ายๆ ยังมีหลายครอบครัวของคนงานก่อสร้าง ได้อาศัยเป็นที่หลบแดดหลบฝน มีเด็กๆ วัยซนวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน เนื้อตัวมอมแมม พร้อมกับเสื้อผ้าที่ผ่านการใส่มานาน แต่คงว่างเว้นการซักมานานเช่นกัน เสื้อผ้า กางเกงดูสกปรกมีรอยขาดเป็นริ้วให้ได้ห็น แต่ดูเหมือนคนใส่จะไม่ยี่หระ ไม่สนใจ ยังคงสนุกสนานกับละอองฝน และดินโคลนที่แฉะโดยรอบ แถมรองเท้าก็ไม่ใส่ ให้หวาดเสียวของมีคม หรือของแหลมบนพื้นดินที่ล้วนไม่น่าจะปลอดภัย มันทำอันตรายต่อเท้าที่เปลือยเปล่านั้นเหลือเกิน
|
แต่เด็กๆ เหล่านั้นคงเคยชินซะแล้ว รวมทั้งตัวผู้ใหญ่ที่เป็นพ่อแม่พี่น้องด้วย คงไม่มีใครคิดถึงอันตรายเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้น หากจะมีก็โน่นรถทับ ตกต้นไม้ หรือไม่ก็ตกรูท่อเสาเข็มโน่นแหละ เกิดเหตุกันทีเอาถึงตายกันเลยทีเดียว ไอ้ชนิดเจ็บไข้ได้ป่วยเพราะสิ่งแวดล้อมเป็นพิษเห็นจะไม่ค่อยมี หากคนที่เข้าใจถึงธรรมชาติก็พอจะให้คำตอบได้ว่า เด็กๆ ของบรรดากรรมกรก่อสร้างนั้นต่างก็มีภูมคุ้มกันโรค คุ้มกันบาดทะยัก ซึ่งเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ ไม่แตกต่างไปจากนักแสดงที่เล่นกับงูพิษ คงเคยเห็นการแสดงทำนองนี้ทางโทรทัศน์ นักแสดงเหล่านั้นเล่นกับงูเห่า งูพิษต่างๆ เฉยเลย ถามว่าเคยถูกกัดหรือเปล่า คำตอบก็คือเคย และไม่ใช่เพียงแค่ครั้งสองครั้งครับ ถูกกัดบ่อยๆ จนชาชินซะแล้ว ถามว่าถูกกัดแล้วเป็นอะไรหรือเปล่า คำตอบก็บอกว่าเปล่า แถมไม่ต้องรีบวิ่งไปโรงพยาบาลเพื่อฉีดเซรุ่มให้มันวุ่นวายด้วย นั่นก็เพราะร่างกายของนักแสดงเหล่านั้นต่างก็ได้วัคซีนตามธรรมชาติอยู่แล้วอย่างสม่ำเสมอ ก็ด้วยการถูกงูพิษกัดนั่นแหละครับ ร่างกายก็เลยสร้างภูมคุ้มกันต่อพิษงู การถูกงูพิษกัดก็เลยไม่แสดงอาการอะไร
|
เปรียบเสมือนเด็กๆ แถวสลัม เด็กลูกกรรมกรก่อสร้างที่ต่างก็ทนแดดทนฝน ตรงกันข้ามกับเด็กๆ ที่ได้รับการประคบประหงมกันเป็นอย่างดี ริ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม เด็กๆ เหล่านี้จะไม่มีโอกาสได้สร้างภูมคุ้มกันให้เกิดขึ้นมาได้เองตามธรรมชาติ คุณๆ จึงต้องพาลูกหลานของคุณ ไปให้หมอเด็กเขาฉีดวัคซีนเป็นระยะๆ ไงล่ะครับ
|
ดังนั้น การฉีดวัคซีนในโลกปัจจุบัน จึงมีความสำคัญต่อการป้องกันโรคเป็นอย่างยิ่ง คุณๆ คงไม่ต้องการที่จะให้ลูกหลานของคุณ ต้องไปแสวงหาวัคซีนเอาตามยถากรรมหรอกนะครับ เพราะนั่นไม่ใช่วิถีทางของการแพทย์สมัยใหม่ จะไปเอาตัวอย่างตามเด็กๆ สลัมหรือเด็กกรรมกรก่อสร้างคงไม่ได้ เพราะเด็กๆ ทั้งหลายเหล่านั้น ผมเข้าใจว่าต่างก็ได้รับความเอาใจใส่จากผู้ใหญ่ไม่เพียงพอ ถูกเลี้ยงอย่างทิ้งๆ ขว้างๆ เจ็บป่วยไม่หนักหนากันจริงๆ คงไม่ถึงมือหมอ แต่เด็กๆ เหล่านั้นก็ทนกันเสียจริงๆ ไม่ค่อยเจ็บไม่ค่อยไข้กันหรอกครับ ไม่เหมือนเด็กๆ ลูกท่านหลานเธอ เป็นอะไรนิดอะไรหน่อยก็ต้องถึงมือหมอ
|
เขียนมาถึงตรงนี้ทำให้ผมคิดถึงการรักษาโรคชนิดหนึ่งในภาคสมัยใหม่ คือ โรคของทางเดินหายใจอักเสบ ต้องยอมรับกันนะครับว่า โรคทางเดินหายใจอักเสบนั้น เป็นโรคท็อปฮิตในบ้านของเรา ทั้งนี้เพราะว่าอากาศที่เราหายใจเข้าไปนั้น มันขาดความบริสุทธิ์ลงไปทุกที ไหนจะฝุ่นละอองจากระบบอุตสาหกรรม ไหนจะควันพิษจากเครื่องยนต์ ไหนจะจากเครื่องฟอกอากาศ เพราะต้นไม้ป่าไม้ถูกทำลาย
|
ครับ เครื่องฟอกให้อากาศบริสุทธิ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้ก็คือป่าไม้นี่แหละ ปัญหาบรรยากาศของโลกที่กำลังเกิดขึ้น ปัญหาอากาศเป็นพิษ อากาศสกปรกที่กำลังเป็นอยู่ ก็เพราะมนุษย์โลกเราช่วยกันทำลายป่านี่แหละครับ เมื่ออากาศมันสกปรกก็เลยทำให้เชื้อโรคต่างๆ ที่มันเปื้อนมากันฝุ่นละออง ได้โอกาสเข้าไปทางจมูก ทางปากก่อให้เกิดโรคของทางเดินหายใจขึ้นมา ดังนั้นประชากรคนไทย จึงเป็นโรคทางเดินหายใจกันมาก
|
ทีนี้มาว่าถึงการรักษาโรคทางเดินหายใจในสมัยใหม่ ซึ่งความจริงแล้วก็อาศัยหลักการที่ว่า ให้ร่างกายสร้างภูมิต่อต้านโรคขึ้นมาเองบ้าง จะได้ไม่เป็นโรคนี้กันบ่อยๆ ซึ่งขออธิบายให้เข้าใจในหลักการดังนี้นะครับ
|
สมมติว่าเมื่อคุณเกิดเป็นหวัดเจ็บคอขึ้นมา มีอาการแค่วันเดียว คุณก็ได้ยาปฏิชีวนะมาทาน ปรากฏว่าโรคเจ็บคอของคุณหายไปอย่างรวดเร็ว เพราะยาปฏิชีวนะนั้น ใช้ได้ผลดี คุณต้องทางยาปฏิชีวนะให้หมดตามหมอสั่งนะครับ เพราะถ้าทานไม่ครบตามจำนวนแล้ว โอกาสที่เชื้อจะดื้อยาก็จะเกิดขึ้นมา ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ดีทางการแพทย์ แต่เอาล่ะ เรื่องทานยาครบไม่ครบนั้นเป็นอีกประเด็นหนึ่ง แต่การทานยาปฏิชีวนะเร็วเกินไปนั้น ไม่ใช่ของดีต่อสุขภาพเลย เพราะถ้าเชื้อถูกฆ่าตายโดยเร็วด้วยยาปฏิชีวนะ นั่นก็หมายความว่า ร่างกายของคุณเองยังไม่ทันได้สร้างภูมิต้านทานโรคที่กำลังเป็นอยู่ออกมาซักเท่าไหร่ ก็จะหยุดชะงักไป
|
ในทางตรงกันข้าม หากทำตัวเป็นเด็กสลัม หรือลูกกรรมกรก่อสร้างกันซะหน่อย คือปล่อยให้ร่างกายมันต่อสู้กับโรคดูสักพัก เอาแค่สามวันก็น่าจะรู้เรื่อง หากร่างกายคุณสู้ไม่ได้ ก็ค่อยเอายาปฏิชีวนะมาช่วยอีกแรงหนึ่ง แต่ถ้าหากร่างกายคุณสู้ให้โรคก็จะหายไปได้เอง การที่ปล่อยให้ร่างกายคุณได้ต่อสู้กับโรคตามลำพังนั้น เท่ากับว่า ได้ปล่อยโอกาสให้ร่างกายได้สร้างภูมคุ้มกันต่อโรคนั้นๆ ขึ้นมา ซึ่งผลดีก็คือว่า ภูมิคุ้มกันโรคที่สร้างขึ้นมานั้น จะช่วยคุ้มต่อโรคดังกล่าวไปได้สักระยะหนึ่ง อาจจะเป็นเดือนหลายๆ เดือน ก็ยังดีกว่าไม่มีภูมิเอาเสียเลย
|
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ใครก็ตามที่ทานยาปฏิชีวนะกันบ่อยๆ โดยไม่จำเป็นก็จะมีโอกาสติดโรคต่างๆ ได้ง่าย เป็นโรคทางเดินหายใจ เป็นหวัด เจ็บคอกันบ่อยๆ เป็นต้น ฉะนั้น การทำตัวให้เหมือนเด็กๆ ลูกกรรมกรก่อสร้าง หรือเด็กตามสลัมกันบ้าง บางครั้งก็ได้ประโยชน์เหมือนกันนะครับ
|
ข้อมูลจาก : หนังสือแม่และเด็ก
|