อำเภอสิชล |
|||||
|
|
ประวัติความเป็นมา |
หลังจากกรมศิลปากรได้สำรวจและขุดแต่งแหล่งประวัติศาสตร์และโบราณคดีบริเวณเขาคา ในพื้นที่หมู่ที่ 11 ตำบลเสาเภา อำเภอสิชล พบร่องรอยเด่นชัดว่า พื้นที่ในเขตนี้เคยเป็นชุมชนพราหมณ์ที่มีความเจริญรุ่งเรืองและมั่นคงมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12-14 พบเทวสถานประมาณ 50 แห่งกระจายอยู่อย่างหนาแน่นในพื้นที่ตำบลเสาเภาและบ้านหลอง (ฉลอง) โดยเฉพาะพื้นที่ตอนกลางบริเวณท่าทน ท่าเชี่ยว และท่าควาย ส่วนบริเวณอื่น ๆ ก็เคยมีผู้พบศิวลึงค์ ฐานศิวลึงค์ รวมทั้งส่วนประกอบของศาสนสถาน |
ทั้งในไศวนิกายและไวษณพนิกาย นามสถานที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมพราหมณ์ เช่น บ้านเทพราช ตำบลเทพราช บ้านสามเทพ เป็นต้น พบหลักฐานที่เป็นศาสนสถานและศาสนวัตถุอันเนื่องด้วยพุทธศาสนา เช่น พบพระพุทธรูปที่วัดจอมทอง ในเขตตำบลสิชล มีอายุในช่วงพุทธศตวรรษที่ 14-15 และพบหลักฐานที่มีอายุระหว่างพุทธศตวรรษที่ 18-24 ทั้งที่เป็นซากวัดร้าง พระพุทธรูป ร่องรอยสถูปเจดีย์ในเขตพื้นที่อำเภอสิชลและอำเภอท่าศาลา ยืนยันว่าหลังจากศาสนาพราหมณ์เสื่อมลงศาสนาพุทธก็เข้ามาแทนที่ต่อเนื่องกันมาไม่น้อยกว่า |
10 ศตวรรษและหลายแห่งมีการสืบสานฟื้นฟูต่อเนื่องกันมายาวนาน ตามปัจจัยและผลกระทบอันเนื่องจากภัยธรรมชาติ ไข้ยมบนการเมือง การปกครอง โจรภัย บางแห่งยังสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ตำนานเมืองนครศรีธรรมราช ฉบับบุดขาว อักษรไทยย่อ (รวมเรื่องเมืองนครศรีธรรมราช พ.ศ.2504) กล่าวถึงเหตุการณ์ช่วงหลังจากมหาศักราช 1588 ปีมะเมีย ตรงกับ พ.ศ.2209 (จุลศักราช 1028 อัฐศก) กล่าวว่า พระพนมวังแลนางสะเดียงทองก็มาตั้งย้านอยู่จงสระนอกเมืองดอนพระสร้างป่าเป็นนา สร้างนากะนอม สร้างนาสะเพียง สร้างนาตระชน |
อีกตอนหนึ่งกล่าวว่า หลังจากพระศรีมหาราชาได้กระทำพิธีสังสการศพพระพนมวังผู้เป็นบิดาเสร็จแล้ว ได้แจกอัฐิธาตุและญาติลูกหลานพรพนมวัง ให้อยู่ท่าทอง ให้อยู่ไชยคราม ให้อยู่กระหนอม ให้อยู่ตระชน ให้อยู่ละออง ให้อยู่ทุ่งหลวง อีกตอนหนึ่งว่า แลเจ้าสนตราไสอินทราชาขอเอาเป็นเมียตั้งบ้าน แทบทะเลตระหนอมสร้างนาศรีชน สร้างนาสะเพียง แลกะนอม เมืองกะนอมหรือกระนอม เมืองตระชน ศรีชน และ เมืองละออง ในที่นี้คือ อำเภอขนอม อำเภอสิชล และตำบลฉลองในอำเภอสิชลในปัจจุบัน อันนี้แสดงว่าในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 23 เป็นช่วงที่อำเภอสิชลเป็นชมชนไทยพุทธเพราะวงศ์ญาติของพระพนมวังนอกจากมีหน้าที่สร้างบ้านเป็นเมืองและสร้างป่าเป็นนาแล้ว |
ยังมีหน้าที่สำคัญ คือ การบำรุงรักษาพระบรมธาตุ นครศรีธรรมราชอีกด้วย ช่วงเวลาใกล้เคียงกันนี้บริเวณดังกล่าวคงมีสภาพเป็นป่าจึงต้องมา สร้างป่าเป็นนา มีนามสถานหลายแห่งบ่งถึงสภาพดังกล่าว เช่น ในเขตตำบลเทพราช มีบ้านถ้ำเสือ ไสคา (ป่าหญ้าคา) ไสเหม็ด (ป่าเสม็ด)ไสอ้อย (พื้นที่ป่าไสที่มีการปลูกอ้อย) ในเขตตำบลเปลี่ยน มีบ้านไสพลู ไส เหม็ด ไสเหรียง ในเขตตำบลทุ่งใส (ป่าที่ถางแล้วจึงมีสภาพเป็นทุ่ง) มีบ้านทุ่งไส ในเขตตำบลสี่ขีด มีบ้านทุ่งหัสนา บ้านนากลาง บ้านไสเหรียง ในเขตตำบลฉลอง มีบ้านไสหนำสูง ในเขตตำบลทุ่งปรัง มีบ้านทุ่งใหญ่ บ้านทุ่งไม้เหรียง เป็นต้น ทำเนียบข้าราชการนครศรีธรรมราช ครั้ง |
รัชกาลที่2 (พ.ศ.2354) กล่าวถึงตำแหน่งข้าราชการในเขตพื้นที่ของอำเภอสิชล (ในปัจจุบัน) ได้ว่าที่ อลอง (บริเวณบ้านหลอง และ ตำบลฉลองในปัจจุบันนั้นว่า เมืองภักดีสงครามเมืองอลองถือศักดินา 1000 ฝ่ายขวา ถือตรารูปเลียงผา เกณฑ์อยู่รักษาอลอง ได้เรียกส่วนอากรในท่ำได้รับพระราชทานค่าคำนับฤชาภาษีส่วย คำว่า เมือง ในที่นี้เป็นบรรดาศักดิ์ โดยปกติมีศักดินาสูงกว่า ขุน บางคนมีศักดินาเสมอกับ หลวง ก็มี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับภาระหน้าที่รับผิดชอบ นอกจากเมืองภักดีสงครามเป็นหัวหน้าแล้วที่เมืองนี้ยังมีขุนเบ็จธานี รองที่อลองถือศักดินา 400 และมีขุนอินทรพิชัย ช่วยราชการที่อลองถือศักดินา 400 อีกท่านหนึ่ง มีวัดถ้ำตีมัน วัดเบิก วัดกลาง วัดถ้ำเทียนถวาย เป็นเลณฑุบาตอยู่ในที่อลอง |
ampur_นครศรีธรรมราชยุคก่อนประวัติศาสตร์.gif ampur_พระลากวัดเขาน้อย อำเภอสิชล .gif |
ampur_สภาพบ้านเรือนและอาคารพานิชย์ อำเภอสิชล.gif ampur_บ้านเรือนชาวประมง.gif |
ampur_หาดหินงาม อำเภอสิชล.gif ส่วนที่อำเภอสิชล (ในปัจจุบัน) ขณะนั้นมี ขุนชนะคีรี นายที่สิชล นา 400 ฝ่ายซ้าย และมี หมื่นไชย รองที่สิชล นา 300 แสดงว่าสิชลมีฐานะย่อมกว่าที่อลอง ท้องที่ในตัวอำเภอสิชล ชุมชนขยายตัวขึ้นในช่วงปลายรัชกาลที่ 2-3 ของกรุรัตนโกสินทร์ ทั้งนี้เพราะมีชาวจีนอพยพหนีภัยสงครามเข้ามาตั้งถิ่นฐานที่ปากแพรก เกิดเป็นตลาด เป็นท่าเรือประมง ตลาดสิชลเจริญขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่บ้าน หลอง หรือ ตำบลฉลอง ค่อยลดความสำคัญลงเป็นตรงกันข้าม ชื่อเรียกนามสถานแห่งนี้ปรากฏในเอกสารต่าง ๆ แตกต่างกัน นอกจากจะเป็น ตระชน |
ตามที่ปรากฏในตำนานเมืองนครศรีธรรมราชดังกล่าวแล้วปรากฏในตรุศ (ตรุษ) รัชกาลที่ 4 เป็น สุชล ในประกาศพระราชพิธีตรุศรัชกาลที่ 5 เป็น สีชล มีชื่อสถานที่ใกล้เคียง คือ กระนพพิตำอลอง กลาย ขนอม ในประกาศพระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์ รัชกาลที่ 6 เป็น สีชล เช่นเดียวกับในสมัยรัชกาลที่ 5 สรุปได้ว่าในสมัยอยุธยาเรียกว่า ตระชน ก็มีศรีชนก็มี การที่เปลี่ยนจาก สุชลเป็น สิชล มีคำบอกเล่ากระแสหนึ่งว่า เกิดขึ้นเมื่อครั้งพระรัตนธัชมุนี (ม่วง) เจ้าคณะมณฑลนครศรีธรรมราชไปตรวจราชการที่สุชลเห็นความสมบูรณ์ของน้ำและน้ำใสจืดสนิท จึงเปลี่ยนชื่อจาก สุชล เป็น สิชล เมื่อ ร.ศ.116 (พ.ศ.2440) ได้มีพระราชบัญญัติปกครองท้องที่แบบใหม่ เมืองนครศรีธรรมราชได้จัดส่งหลวงอนุสรสิทธิกรรม (นัว ณ นคร) ออกไปดำเนินจัดตั้งอำเภอขึ้นที่บริเวณใกล้ตัวกับวัดกลาง ตำบลฉลอง (ในปัจจุบัน) หลวงอนุสรสิทธิกรรมตั้งที่ว่าการอำเภอชั่วคราวที่อยู่นั้น จัดแบ่งเขตการปกครองเป็นหมู่บ้าน ตำบล อยู่ราว 2 ปี จึงย้ายไปตั้งที่บริเวณวัดปากแพรก (ตลาดปากแพรก) ซึ่งบริเวณที่คลองท่าเรือรีและคลองเท่าควายไหลมาบรรจบกัน |
สภาพทั่วไป
อำเภอสิชล ขึ้นกับจังหวัดนครศรีธรรมราช มีพื้นที่ประมาณ 703.105 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดไปทางทิศเหนือประมาณ 66 กิโลเมตร เป็นอำเภอชายฝั่งทะเลด้านทิศตะวันออกของจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ว่าการอำเภออยู่ห่างจากถนนสายเอเชีย 18 ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 1.5 กิโลเมตร อาณาเขต ทิศเหนือ จดอำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ทิศใต้ จดอำเภอท่าศาลา และกิ่งอำเภอนพพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช ทิศตะวันออก จดอ่าวไทย ทิศตะวันตก จดอำเภอกาญจนดิษฐ์ และอำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี |
อำเภอสิชลแบ่งเขตการปกครองเป็น 9 ตำบล 99 หมู่บ้าน ตำบลสิชล คือ สุขาภิบาลสิชล มีเนื้อที่ประมาณ 3 ตารางกิโลเมตร มีประชากรมากที่สุด รองลงมาคือ ตำบลเสาเภา ตำบลฉลอง ซึ่งเคยเจริญมาก่อนกลับมีจำนวนครัวเรือนและจำนวนประชากรน้อยเกือบเป็นอันดับสุดท้าย ลักษณะภูมิประเทศของอำเภอสิชล ประกอบด้วยที่ราบชายทะเล ที่ราบลุ่ม ที่ราบเชิงเขา และภูเขาอยู่ถัดกันไปตามลำดับจากทิศตะวันออกไปทางทิศตะวันตก ที่ราบชายฝั่งทะเล ได้แก่ พื้นที่บริเวณด้านตะวันออกสุดซึ่งติดกับอ่าวไทย ประชากรในแถบนี้ส่วนนี้ทำการประมง และทำสวนมะพร้าว คือพื้นที่บางส่วนของตำบลเสาเภา ตำบลทุ่งปรัง และตำบลสิชล ที่ราบลุ่ม คือพื้นที่บางส่วนของทุกตำบล ประชากรในแถบนี้ส่วน |
ใหญ่ประกอบอาชีพทำนา ที่ราบเชิงเขาและภูเขา ได้แก่ บริเวณแนวด้านตะวันตกโดยตลอด ทางทิศตะวันตกสุดของภูเขาถัดมาเป็นที่ราบเชิงเขา ได้แก่ พื้นที่ด้านตะวันตกสุดของตำบลเปลี่ยน ตำบลเทพราช ตำบลทุ่งปรัง และตำบลสี่ขีด ประชากรในแถบนี้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำสวนยางพารา ทำสวนมะพร้าว ทำสวนกาแฟ ทำเหมืองแร่ และทำป่าไม้ อำเภอสิชลมีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดผ่าน มีลักษณะภูมิอากาศไม่ร้อนและไม่หนาวเกินไป มีฝนตกชุกตามฤดูกาล ในรอบปีหนึ่ง ๆ จะมี 2 ฤดู คือ ฤดูร้อน อยู่ในระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนสิงหาคม ฤดูฝน ระหว่างเดือนกันยายนถึงเดือนมกราคม ช่วงที่มีอากาศร้อนที่สุดคือเดือนเมษายน ช่วงที่ฝนตกชุกมากที่สุดคือเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม |
ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญมีป่าไม้และสัตว์น้ำ มีเนื้อที่เป็นป่าไม้ ภูเขา แม่น้ำ มีผลิตผลทางการเกษตรกรรมเรียงตามลำดับสำคัญ คือ ข้าว มะพร้าว ยางพารา กาแฟ ผลไม้ ต่าง ๆ ยาสูบ แร่ การประมง พันธ์ไม้มีค่า เช่น หลุมพอ ตะเคียน ยาง ไข่เจียว แร่ที่พบ ได้แก่ ดีบุก วุลแฟลม เหล็ก พบบริเวณเชิงเขา เช่น เขาใหญ่ เขาตานเฒ่า เขาน้ำเย็น และเขาหลัก แหล่งน้ำธรรมชาติ มีลำคลองที่เคยมีความสำคัญในอดีต ได้แก่ คลองท่าเชี่ยว คลองท่าเรือรี คลองท่าควาย คลองเปลี่ยน และคลองท่าทน บนยอดเขาคาเป็นเทวสถานของศาสนาพราหมณ์ที่มีพื้นที่มีบริเวณกว้างใหญ่ ซึ่งมีอายุประมาณพุทธศตวรรษที่12-14 สถานที่สำคัญและแหล่งท่องเที่ยว เช่น น้ำตกสี่ขีด หาดหินงาม หาดเสาเภา ถ้ำจอมทอง ถ้ำเขาพรง ถ้ำเขาพับผ้า ถ้ำธารลอด ถ้ำเทียนถวาย ถ้ำเขาได ถ้ำวัดเขาน้อย บ่อน้ำร้อน หาดปลายทอน หาดเทพา อ่าวยาง อ่าวท้องหยี เป็นต้น |