http://www.tungsong.com







         เริ่มมีการจัดงานวันงดสูบบุหรี่โลกในวันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ.1988 โดยองค์การอนามัยโลก เนื่องจากเล็งเห็นอันตรายของบุหรี่ต่อสุขภาพ ของผู้สูบบุหรี่และผู้ไม่สูบบุหรี่แต่ได้รับควันบุหรี่ การจัดงานวันงดสูบบุหรี่โลกก็เพื่อกระตุ้นให้ผู้สูบบุหรี่เลิกสูบ และให้รัฐบาลชุมชนและประชากรโลก ตระหนักถึงความสำคัญและเข้าร่วมกิจกรรม
        การสูบบุหรี่หรือได้รับควันบุหรี่เป็นประจำเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปอด ถุงลมโป่งพอง และโรคระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ นอกจากนี้ยังส่งผลทำให้มีโอกาสเกิดโรคบางโรคมากกว่าผู้ที่ไม่ได้รับควันบุหรี่ เช่น โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง และโรคอื่น ๆ อีกหลายโรค บุหรี่ยังทำให้เสียทรัพย์โดยไม่จำเป็นอีกด้วย
        องค์การอนามัยโลกระบุชัดเจนว่า การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญของการป่วยและเสียชีวิตก่อนวัยอันควรที่สามารถป้องกันได้ และกำหนดให้ วันที่ 31 พฤษภาคม ของทุกปีเป็นวันงดสูบบุหรี่โลก ( World No Tobacco Day) มีการกำหนดคำขวัญในการรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ในแต่ละปี
         บุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ทั้งต่อผู้สูบเอง และผู้ที่อยู่ใกล้ชิดที่สูดหายใจเอาอากาศที่มีควันบุหรี่เข้าไป เพราะควันบุหรี่ประกอบด้วยสารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพทั้งสิ้น เช่น คาร์บอนมอนอกไซด์ นิโคติน ทาร์ เป็นต้น จากการสำรวจพบว่า ผู้ที่เป็นมะเร็งปอดนั้น ร้อยละ 90 เป็นผลเนื่องมาจากการสูบบุหรี่ และถ้าสูบเกินวันละ 1 ซอง จะมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดมากกว่าผู้ที่ไม่สูบถึง 5-20 เท่า นอกจากนี้ ผู้ที่ป่วยด้วยโรคหลอดลมอักเสบร้อยละ 80 และโรคหัวใจร้อยละ 50 ก็มีผลมาจากการสูบบุหรี่เช่นเดียวกัน


ทั้ง 2 ฉบับ ได้แก่
        1. พระราชบัญญัติคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ.2535
มีสาระสำคัญคือ การประกาศเขตปลอดบุหรี่ โดยแบ่งเขตปลอดบุหรี่ออกเป็น 4 กลุ่มคือ
            - เขตปลอดบุหรี่อย่างแท้จริง เช่น รถยนต์โดยสารประจำทางทั้งที่ปรับอากาศและไม่ปรับอากาศ แท็กซี่ ตู้รถไฟปรับอากาศ ห้องชมมหรสพ
            - เขตปลอดบุหรี่ทั้งหมดเช่น โรงเรียน ห้องสมุด ยกเว้น ห้องส่วนตัว
            - เขตปลอดบุหรี่เกือบทั้งหมด เช่น สถานพยาบาล ศูนย์การค้า สถานที่ราชการ และรัฐวิสาหกิจ หากจะสูบก็ให้สูบเฉพาะเขตสูบบุหรี่
            - เขตปลอดบุหรี่อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของพื้นที่นั้นๆ เช่น ตู้รถไฟโดยสารทั่วไป(ไม่ปรับอากาศ) และร้านขายอาหารทั่วๆ ไป เฉพาะบริเวณที่มีระบบปรับอากาศ แต่ต้องจัดเขตสูบบุหรี่ไม่ให้เกินครึ่งหนึ่งของพื้นที่ทั้งหมด

        2. พระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ
มีสาระสำคัญคือการห้ามขายบุหรี่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท ห้ามขายสินค้าอื่นและแถมบุหรี่ให้ หรือ ขายบุหรี่แล้วแถมสินค้าอื่นๆ และห้ามการโฆษณาทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม
        การรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่ มิใช่จะกระทำแค่วันเดียว แต่ต้องทำอย่าง ต่อเนื่อง เพื่อสุขภาพและอนามัยที่ดีแก่ตนเองและผู้ใกล้ชิด

ถาม-ตอบวันงดสูบบุหรี่โลก
โดย ศ.น.พ.สุชัย เจริญรัตนกุล ภาควิชาอายุรศาสตร์
จาก http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/backissue/may44_1.html

         ถาม: สารพิษที่มีอยู่ในควันบุหรี่ มีอันตรายต่อร่างกายอย่างไรบ้าง
        ตอบ: บุหรี่ นั้นประกอบด้วยสารพิษต่าง ๆ ไม่ต่ำกว่า 2,000 ชนิด สารพิษที่สำคัญมีอยู่ 3 ชนิด ได้แก่ สารนิโคติน ทาร์ และ แก๊สคาร์บอนมอนอ๊อกไซด์ สารนิโคตินเป็นสารเสพย์ติด ซึ่งทำให้คนที่สูบมีความ รู้สึกอยากจะสูบอีกถ้าใช้สารนิโคตินมากเกินไปจะมีอาการเวียนศรีษะ คลื่นไส้อาเจียน ซึ่งผู้ที่สูบบุหรี่ใหม่ ๆ ก็จะมีความรู้สึกเช่นนี้ นอกจากสารนิโคตินแล้ว ก็จะเป็นสารที่เรียกว่า ทาร์ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ซึ่งทำให้เกิดมะเร็งในปอด และอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย สารตัวที่ 3 ที่มีผลเสียต่อร่างกาย คือ แก๊สคาร์บอนมอนอ๊อกไซด์ ซึ่งแก๊สดังกล่าวนั้นจะไปแย่งที่อ๊อกซิเจนในการจัดกับเม็ดเลือดแดง ซึ่งทำให้ปริมาณของอ๊อกซิเจนในเลือดน้อยลง ทำให้ผู้ป่วยหรือคนที่สูบบุหรี่ขาดอ๊อกซิเจน เพราะฉะนั้นโดยสรุปก็คือ สารพิษในควันบุหรี่มีมากมายมีมากกว่า 2,000 ชนิด 3 ชนิดที่สำคัญก็คือ สารนิโคติน ทาร์ และ แก๊สคาร์บอนมอนอ๊อกไซด์ นอกจากนั้นแล้ว บุหรี่ยังมีสารที่เราเรียกกันว่า สารก่อมะเร็งอีกมากมาย

        ถาม: อันตรายของบุหรี่ต่อร่างกาย มีอะไรบ้าง

        ตอบ: บุหรี่นั้นมีผลเสียต่อสุขภาพมากมาย ที่เราทราบกันดีก็คือ เรื่องของมะเร็งปอด บุหรี่นั้นมีความสำคัญโดยการที่ทำให้เกิดมะเร็งในปอดเกิดง่าย นอกจากนั้นแล้ว สารพิษในควันบุหรี่จะทำให้เกิดเป็นโรคถุงลมโป่งพอง ที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการหอบเหนื่อย แน่นหน้าอก ไอเรื้อรัง สารพิษในควันบุหรี่ ยังทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในหลอดลม ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ป่วยโดยตรง นอกจากนั้นยังจะทำให้เกิดมะเร็งของอวัยวะอื่น ๆ เช่น มะเร็งของหลอดอาหาร การสูบบุหรี่ในหญิงตั้งครรภ์ จะมีผลกระทบกับเด็กที่อยู่ในครรภ์ ทารกที่ออกมาจะมีน้ำหนักน้อยกว่าปกติได้

        ถาม: ระยะเวลาในการสูบบุหรี่มากน้อยแค่ไหน ถึงจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ

        ตอบ: บุหรี่มีผลกระทบต่อสุขภาพทันที ที่บุคคลนั้นสูบบุหรี่เข้าไป ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะต่างกันไปในระยะยาวและผลกระทบอย่างฉับพลัน สิ่งที่เกิดขึ้นในทันทีในการที่สูดควันบุหรี่เข้าไป ก็คือ จะเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ ซึ่งควันบุหรี่จะประกอบไปด้วยแก๊สคาร์บอนมอนอ๊อกไซด์ ดังที่กล่าวมาแล้วว่าเป็นแก๊สพิษ จะไปแย่งที่ของอ๊อกซิเจน ซึ่งอ๊อกซิเจนนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายก็จะทำให้ผู้ป่วยขาดอ๊อกซิเจนได้ นอกจากนั้นแล้ว ควันบุหรี่โดยเฉพาะสารที่เราเรียกว่า ทาร์ จะไประคายเคืองหลอดลมทำให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ ทำให้เกิดอาการไอขึ้นมาทันที สารนิโคตินที่เป็นสารเสพย์ติดนั้น ถ้าเสพย์เข้าไปในระยะเริ่มต้น ก็จะเกิดอาการวิงเวียนศีรษะเกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นผลกระทบด้านสุขภาพจะเกิดขึ้นทันทีที่สูบบุหรี่ ในระยะยาว ถ้าคนที่สูบบุหรี่ต่อเนื่องกันไปเป็นระยะเวลาเป็นเดือน เป็นปี รวมทั้งจำนวนที่เพิ่มมากขึ้น ก็จะมีผลกระทบต่อสุขภาพตามลำดับ ยังมีจำนวนมวนที่มากขึ้น จำนวนระยะเวลาที่สูบมากขึ้น ก็จะมีผลกระทบทำให้เกิดพยาธิสภาพในปอด นั้นก็คือ จะทำให้เกิดเป็นมะเร็งของปอด จะทำให้ถุงลมซึ่งเคยมีความสามารถในการ ยืดหยุ่นที่ปกติ ขาดความสามารถในการยืดหยุ่น ผลกระทบก็คือ ขาดความสามารถในการรับอ๊อกซิเจนเข้าไปในร่างกาย ร่างกายก็ขาดอ๊อกซิเจน ทำให้มีอาการหอบเหนื่อย มีอาการแน่นหน้าอก เดินไกล ๆ ไม่ได้ ก็เป็นผลกระทบระยะยาว

        ถาม: ที่เรียกว่า การสูบบุหรี่มือสอง มีความหมายอย่างไร

        ตอบ: การสูบบุหรี่มือสอง หมายถึง ผู้ที่ไม่ได้สูบบุหรี่แต่ได้รับเอาควันบุหรี่จากผู้ที่อยู่ใกล้ชิด เช่น การอยู่ในห้องทำงานเดียวกัน หรือ ภรรยาที่มีสามีที่สูบบุหรี่ การที่เราไม่ได้สูบบุหรี่แต่เราต้องไปสัมผัส ควันบุหรี่กับผู้ที่อยู่ใกล้ชิดนั้นก็จะมีผลกระทบต่อสุขภาพเช่นเดียวกัน มีรายงานวิจัยยืนยันออกมาชัดเจนว่า อุบัติการณ์ของการเกิดมะเร็งปอดในผู้ที่สัมผัสควันบุหรี่ โดยที่ไม่ได้สูบเอง จะสูงกว่าผู้ที่ไม่ได้สัมผัสควันบุหรี่เลย นอกจากนั้นแล้วอุบัติการณ์ของการเกิดการอักเสบเรื้อรังของหลอดลม อุบัติการณ์ของการเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ก็จะสูงขึ้นตามลำดับเช่นกัน เพราะฉะนั้นคนที่สูบบุหรี่อย่าคิดว่าเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล เพราะว่าควันบุหรี่ที่สูบออกมา หรือพ่นออกมานั้นจะมีผลกระทบต่อบุคคลที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้มีผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นเดียวกัน

        ถาม: อันตรายของผู้ที่สูบบุหรี่และไม่ได้สูบบุหรี่แต่ได้รับควันบุหรี่ จะแตกต่างกันหรือไม่

        ตอบ: จากที่ได้กล่าวแล้วว่า ทั้งผู้ที่สูบบุหรี่โดยตรงและผู้ที่ไม่ได้สูบบุหรี่โดยตรง แต่ว่าได้รับควันพิษจากผู้ที่อยู่ใกล้ชิดจะมีผลกระทบที่ไม่ดีต่อสุขภาพของปอดทั้งสิ้น แต่ความรุนแรงนั้นแน่นอน ผู้ที่สูบบุหรี่เองโดยตรงจะมีความรุนแรงของการเกิดผลเสียต่อพยาธิสภาพของปอดนั้นมากกว่า ผู้ที่ไม่ได้สูบเองโดยตรง ความรุนแรงของพยาธิสภาพที่เกิดขึ้นในปอดจากสารพิษในควันบุหรี่นั้น จะขึ้นอยู่กับปริมาณของบุหรี่ที่สูบ คือ จำนวนมวนที่สูบ ประการที่สอง จะขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการสูบ เพราะฉะนั้นจำนวนและระยะเวลานั้นมีผลกระทบ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช้หมายความว่าผู้ที่สูบบุหรี่จำนวนน้อย และระยะเวลาสั้นจะไม่เกิดมะเร็งปอด หรือไม่เกิดพยาธิสภาพที่เราเรียกว่า ถุงลมโป่งพอง คนบางคนสูบบุหรี่ไม่มาก และสูบมาไม่นานก็เกิดมะเร็งปอดได้ และเกิดถุงลมโป่งพอง จึงเป็นโรคเรื้อรังได้ เหตุผลดังกล่าวเชื่อว่ามีสภาพกรรมพันธุ์ที่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของปอดมากน้อยต่างกัน ในปริมาณบุหรี่ทีมากน้อยต่างกัน โดยสรุปก็คือ กรรมพันธุ์ นั้นมีผลกระทบในการรับเอาพยาธิสภาพของปอด ซึ่งเกิดขึ้นจากสารพิษของควันบุหรี่มากน้อยต่างกันไป

        ถาม: ผู้ที่สูบบุหรี่มาเป็นระยะเวลานาน ถ้าต้องการเลิกจะมีอันตรายต่อสุขภาพร่างกายหรือไม่

        ตอบ: การหยุดบุหรี่มีผลดีต่อร่างกายแน่นอน นั้นก็คือ ผู้ที่หยุดบุหรี่นั้นจะมีโอกาสในการเกิดมะเร็งปอด และถุงลมโป่งพองลดน้อยลง นอกจากนั้นแล้ว ผู้ที่สูบบุหรี่จะมีการถดถอยหรือความเสื่อมของสมรรถภาพการทำงานปอดทุกปี นั้นก็คือ เมื่ออายุมากขึ้นแต่ละปีสมรรถภาพการทำงานของปอดก็จะเสื่อมลงตามลำดับ ถ้าคนคนเดียวกันหยุดบุหรี่ ความเสื่อมของปอดที่เกิดขึ้นทุก ๆ ปีนั้น จะถดถอยในความเร็วที่ช้าลง นั้นก็คือ ความเสื่อมนั้นเกิดขึ้นแน่นอนทุก ๆ คน แต่ถ้าคนที่สูบบุหรี่จะมีความเสื่อมของปอดเกิดขึ้น เรียกว่าถ้าหยุดบุหรี่ความเสื่อมของปอดจะอยู่ในสภาพที่ยอมรับได้ เพราะฉะนั้น การหยุดบุหรี่จะทำให้เกิดอันตรายเสี่ยงต่อการเกิดโรคลดน้อยลง ความเสื่อมของปอดลดน้อยลง เพราะฉะนั้น มีผลดีไม่มีผลเสียอย่างที่เข้าใจกัน ยกเว้นในระยะเริ่มต้นนั้นอาจจะรับประทานอาหารได้มากขึ้นเล็กน้อย น้ำหนักตัวอาจจะเพิ่มขึ้นในช่วงสั้น ๆ หลังจากนั้นแล้วก็จะเหมือนคนปกติทั่ว ๆ ไป โดยสรุป การหยุดบุหรี่ก็จะมีแต่ผลดี ไม่มีผลเสีย

        ถาม: ส่วนใหญ่มักพบว่า คนที่กำลังเลิกสูบบุหรี่มักจะมีอารมณ์ หงุดหงิด โกรธง่าย ปัญหานี้ควรทำอย่างไร
        ตอบ: ความตั้งใจในการหยุดบุหรี่ ความสำคัญความสำเร็จในการที่จะหยุดบุหรี่ได้หรือไม่ได้ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของผู้ที่ต้องการที่จะเลิกสูบบุหรี่ สำหรับอารมณ์หงุดหงิดที่เกิดขึ้นหลังจากเลิกสูบบุหรี่ใหม่ ๆ นั้นเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งเราทราบกันดีว่าบุหรี่เป็นสารเสพย์ติด คนที่สูบบุหรี่ก็จะติดสารนิโคติน เมื่อไม่มีสารนิโคตินก็จะมีความรู้สึกหงุดหงิด ซึ่งจะเกิดขึ้นในระยะแรก ๆ ในปัจจุบันนอกจากอาจจะอาศัยจิตใจที่เข้มแข็งของผู้ที่ตั้งใจจะงดบุหรี่แล้ว ก็ยังมียาที่จะช่วยไม่ว่าจะเป็น ยาชนิดรับประทาน และสารนิโคติดที่ใช้เป็นแผ่นพาสเตอร์สำหรับติดบริเวณหน้าอก ซึ่งเป็นสารทดแทน แทนที่จะเสพย์เข้าไปทางการสูบบุหรี่เข้าไป ก็จะช่วยลดปฏิกิริยาของการติดนิโคตินได้ในระดับหนึ่ง

        ถาม: หน่วยบริการที่ให้คำแนะนำในการเลิกสูบบุหรี่ อยู่ที่ใด

        ตอบ: เราสามารถให้คำแนะนำได้ใน ร.พ. ของรัฐทุกแห่ง ในสถานที่ที่มีบริการทางด้านอายุรศาสตร์ แพทย์ที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคทางอายุรศาสตร์นั้นสามารถที่จะให้คำแนะนำการหยุดบุหรี่ได้ ซึ่งแน่นอนว่า เราจะต้องอาศัยความตั้งใจของผู้ที่จะหยุดบุหรี่ จากประสบการณ์พบว่า ถ้าคนที่มาปรึกษาไม่ได้ตั้งใจที่จะหยุดบุหรี่เอง เช่น ภรรยาพามา ลูกพามา ขอคำปรึกษาที่จะหยุดบุหรี่ พบว่าโอกาสที่จะล้มเหลวนั้นสูงมาก นั้นก็คือ ผู้ที่จะขอคำปรึกษานั้นไม่ได้มีความตั้งใจเองที่จะหยุดบุหรี่ เพราะฉะนั้นความสำเร็จ จะสูง ถ้าคนที่ต้องการที่จะหยุดบุหรี่มาขอรับคำปรึกษาโดยตรง เพราะฉะนั้นโดยสรุป ความสำเร็จขึ้นอยู่กับความตั้งใจอันแน่วแน่ของบุคคลนั้น ๆ

        ถาม: ขอคำแนะนำเรื่องในโอกาสวันงดสูบบุหรี่โลก

        ตอบ: บุหรี่นั้นเป็นยาเสพย์ติดชนิดหนึ่งที่ก่อให้เกิดปัญหาทางด้านสาธารณสุขของประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยของเราด้วย ในประเทศไทยของเรานั้นมีผู้ที่สูบบุหรี่ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน ซึ่งจะมีผลกระทบทำให้มีความถดถอยของสมรรถภาพการทำงานของปอดทำให้มีอุบัติการของโรคมะเร็งปอดเพิ่มมากขึ้น อุบัติการณ์ของโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง อุบัติการณ์ของโรคถุงลมโป่งพองเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ที่เป็นโรคนี้มีความเสื่อมในการปฏิบัติภาระกิจประจำวัน มีความสูญเสียในเชิงเศรษฐศาสตร์จะต้องดูแลรักษาตัวเอง นอกจากนั้น ยังต้องเสียเวลาแรงงานสำหรับผู้ที่อยู่ใกล้ชิดที่ต้องมาดูแลผู้ป่วยดังกล่าวเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น ผมขอแนะนำว่าผู้ใดก็ตามที่ยังไม่เคยสูบบุหรี่ก็อย่าไปสูบบุหรี่ โดยเฉพาะวัยรุ่น ผู้ที่สูบบุหรี่แล้วควรที่จะตัดสินใจที่จะเลิกสูบบุหรี่ตั้งแต่วันนี้ เพื่อสุขภาพของตัวท่านเองและผู้ที่อยู่ใกล้ชิดท่านครับ

Back