ชื่อท้องถิ่น | พยับเมฆ , นางรักป่า(ประจวบฯ), อีตู่ดง(เพชรบูรณ์) |
ชื่อวิทยาศาสตร์ |
Orthosiphon aristatus (Blume) Miq |
วงศ์ |
LABIATAE (LAMIACEAE) |
ชื่อสามัญ |
Cat' s Whisker |
ลักษณะ |
เป็นไม้พุ่ม สูง 0.5-1 เมตร กิ่งอ่อนและก้านเป็นสี่เหลี่ยมสีม่วงแดง ลำต้นมีขนสั้น ๆ ปกคลุม ใบเป็นใบเดี่ยวออกตรงข้ามกัน รูปไข่แกมสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด กว้าง 2-4 ซม. ยาว 4-7 ซม.ขอบใบหยักแบบฟันเลื่อย ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ลักษณะเป็นชิ้น ๆ คล้ายฉัตร มี 2 พันธุ์ คือพันธุ์ดอกสีขาวและพันธุ์ดอกสีม่วงน้ำเงิน เกสรตัวผู้ยาวพ้นกลีบดอกออกมา มีลักษณะคล้ายหนวดแมว ผลเป็นผลแห้ง ไม่แตก รูปรี ขนาดเล็ก |
การขยายพันธุ์ |
ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด หรือเอากิ่งมาปักชำ ชอบที่ชื้น แดดไม่จัด |
ส่วนที่นำมาเป็นยา |
ใบและยอดแห้ง |
สารเคมีที่สำคัญ |
มีสารโปแตสเซียมในปริมาณสูง และมี glycoside ที่มีรสขม ชื่อ orthosiphonin นอกจากนี้ยังพบ essential saponin, alkaloid, organic acid และ fatty oil |
สรรพคุณทางยา และวิธีใช้ |
ขับปัสสาวะ รักษานิ่ว : ใช้ใบแห้ง 4 กรัม หรือ 4 หยิบมือ ชงกับน้ำร้อน 1 ขวดน้ำปลา เหมือนกับชงชา ดื่มวันละ 1 ขวด 3 ครั้ง หลังอาหาร รักษาโรคหนองใน : ใช้ทั้งใบและกิ่งต้มกับสารส้ม ดื่มวันละ 3 ครั้งก่อนอาหาร |
ข้อควรระวัง |
ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจห้ามรับประทาน เพราะมีสารโปแตสเซียมมาก จะใช้ใบหรือต้นสดต้มกินก็ได้ แต่รสชาติจะเหม็นเขียวใบแห้งที่มีสีเขียวเวลาต้มจะมี รสเหม็นเขียวเช่นกัน ถ้าใช้ใบแก่หรือต้นแก่ต้มด้วย อาจจะมีพิษเพิ่มขึ้น เช่นอาจจะมีฤทธิ์กดหัวใจเพิ่มขึ้น ควรจะเก็บยาใช้เอง เพราะยาที่ซื้อมานั้นมักจะมีต้นมากเกินไป มีใบน้อยไป และต้นมักเป็นต้นแก่ ถ้าใช้ใบที่ตากแดดจนหมดสีเขียวมาชง น้ำยาที่ได้จะมีสีเหมือนน้ำชา มีกลิ่นหอม มีรสหวานเล็กน้อยและขมเล็กน้อยแบบน้ำชา จะกินยาให้มากกว่าขนาดที่กำหนดให้ก็ได้ เพราะไม่มีอันตรายใด ยานี้ระคายคอบ้างเล็กน้อย |
หญ้าคา | แห้วหมู |