จากโครงการผู้ป่วยฉุกเฉินเข้ารักษาได้ทุกโรงพยาบาล
ซึ่งเป็นนโยบายรัฐบาลต่อระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยกรณีฉุกเฉินสามารถเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลใดก็ได้
โดยจะไม่มีการถามสิทธิการรักษาของผู้ป่วย
แต่ให้ใช้เพียงบัตรประชาชนใบเดียว
และไม่ต้องสำรองจ่าย โดยจะเริ่มให้บริการในวันที่
1 เมษายน 2555
สำหรับ การให้บริการผู้ป่วยฉุกเฉินโดยไม่ต้องถามสิทธิ
จากเดิมมีปัญหาในการเข้ารับบริการฉุกเฉินในโรงพยาบาล
ที่อยู่นอกเครือข่าย ทำให้ต้องสำรองเงินจ่ายไปก่อน
และอาจจะถูกบ่ายเบี่ยงการรักษาพยาบาล
รวมถึงเสียโอกาสจากขั้นตอนในการตรวจสอบสิทธิ์
และโรงพยาบาลไม่มั่นใจว่าจะได้รับเงินค่ารักษา
ดังนั้น แนวทางใหม่ที่ดำเนินการนี้
จะปรับให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
ซึ่งจะทำให้ทุกโรงพยาบาลไม่ต้องถามสิทธิการรักษาพยาบาลจากผู้ป่วย
ผู้ป่วยไม่ต้องสำรองจ่าย โรงพยาบาลจะรักษาให้ทันที
สำหรับนิยามผู้ป่วยฉุกเฉินตามประกาศของคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน
แบ่งได้ดังนี้
1. ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ คือ
บุคคลที่มีอาการป่วยหรือบาดเจ็บกะทันหันที่มีภาวะคุกคามต่อชีวิต
หากไม่ได้รับการรักษาทันทีเพื่อแก้ไขระบบหายใจ
ระบบไหลเวียนเลือด
หรือระบบประสาทแล้วมีโอกาสเสียชีวิตสูงหรือมีอาการรุนแรงมากขึ้น
เช่น ภาวะหัวใจหยุดเต้น หายใจไม่ออก หอบรุนแรง
หยุดหายใจ ภาวะช็อก ชักตลอดเวลาหรือชักจนตัวเขียว
เลือดออกมากอย่างรวดเร็วและตลอดเวลา
2. ผู้ป่วยฉุกเฉินเร่งด่วน
คือ
บุคคลที่มีอาการป่วยหรือบาดเจ็บเฉียบพลันหากไม่ได้รับการรักษาอย่างรีบด่วนมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจนพิการหรือเสียชีวิตได้
เช่น ไม่รู้สึกตัว ชัก อัมพาตหรือตาบอดหูหนวกทันที
ตกเลือดซีดมากจนเขียว เจ็บปวดมากหรือทุรนทุราย
ถูกพิษหรือรับยาเกินขนาด
ได้รับอุบัติเหตุโดยเฉพาะมีบาดแผลที่ใหญ่มากหลายแห่ง
ดังนั้น เทศบาลเมืองทุ่งสง
จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนทุกท่านได้รับทราบสิทธิการรักษาหากเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยฉุกเฉินถึงแก่ชีวิต
สามารถเข้ารับการรักษายังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทั้งรัฐ
และเอกชนทุกแห่งตามนโยบาย “เจ็บป่วยฉุกเฉิน
ถึงแก่ชีวิต ไม่ถามสิทธิ ใกล้ที่ไหน ไปที่นั่น”
ด้วยความปรารถนาดีจากเทศบาลเมืองทุ่งสง
แหล่งที่มา :
งานประชาสัมพันธ์
เทศบาลเมืองทุ่งสง/14 มิถุนายน 2556
ลงประกาศเมื่อ :
18 มิถุนายน 2556 |