ด้วยอำเภอทุ่งสงเป็นเมืองใหญ่ที่มีความเหมาะสมมีพื้นที่ตั้งอยู่บริเวณกึ่งกลางของภาคใต้
และเป็นเมืองกึ่งกลางคาบสมุทร
มีศักยภาพและมีความพร้อมในด้านการขนส่ง ทั้งทางรถยนต์
รถไฟ
และที่สำคัญมีสถานีชุมทางรถไฟที่สามารถใช้เป็นแหล่งกระจายสินค้าได้
ซึ่งมีความสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของจังหวัดนครศรีธรรมราชที่ได้นำเข้าสู่แผนของภูมิภาค
โดยเฉพาะสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจภาคใต้
IMT-GT
ที่ประกอบด้วย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และประเทศไทย
อำเภอทุ่งสงจึงได้เล็งเห็นว่าน่าจะมีการนำพื้นที่มาสร้างประโยชน์ด้านการขนส่ง
เพื่อที่ให้ทุ่งสง เป็นศูนย์กลางขนส่งสินค้าภาคใต้
อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้านค้าและการลงทุนอีกทางหนึ่ง
ดังนั้น เทศบาลเมืองทุ่งสง
จึงได้ร่วมกับหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน
อาทิการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB)
สมาคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กลุ่มจังหวัดภาคใต้ตอนบน
ซึ่งประกอบไปด้วย จังหวัดนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี
ชุมพร และพัทลุง อีกทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
จังหวัดนครศรีธรรมราช
ซึ่งได้ร่วมกันผลักดันโครงการพัฒนาศูนย์กระจายสินค้า –
ทุ่งสง
ให้ได้รับการบรรจุในแผนยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ของฝั่งอ่าวไทย
และแผนงบประมาณของรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น
ในการนี้
คณะกรรมการความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน
(กพบ.) จึงได้มีมติในที่ประชุม
ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๔
ในการเร่งรัดโครงการพัฒนาศูนย์กระจายสินค้า
ภาคใต้ – ทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน ๗
โครงการ ซึ่งโครงการพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าภาคใต้ –
ทุ่งสง (จัดตั้งคลังสินค้าและศูนย์โลจิติกส์
พร้อมระบบถนน/รถไฟเชื่อมโยง) เป็นโครงการ ๑ ใน ๗
โครงการที่คณะกรรมการ (กพบ.) เร่งรัดให้มีการดำเนินการ
เทศบาลเมืองทุ่งสง
จึงได้จัดให้มีการประชุมเสวนาปรึกษาหารือแนวทางการบริหารจัดการ
และการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาศูนย์กระจายสินค้า –
ทุ่งสงขึ้น ในวันเสาร์ที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๔
เวลา ๑๓.๐๐น. ณ ห้องประชุมเทศบาลเมืองทุ่งสง
โดยสามารถรับฟังการถ่ายทอดสดเสียงการประชุมผ่านสถานีจุดเรียนวิทยุชุมชนเมืองทุ่งสง
(FM 105.50)
พร้อมทั้งขอเชิญผู้ที่สนใจโครงการดังกล่าวเข้าร่วมรับฟังการประชุมเสวนาฯ
เพื่อร่วมผลักดันให้โครงการดังกล่าวสัมฤทธิ์ผล
เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของเมืองทุ่งสง
ในอนาคตต่อไป
แหล่งที่มา :
งานประชาสัมพันธ์ เทศบาลเมืองทุ่งสง
ลงประกาศเมื่อ :
๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔
|