 |
|
 |
ทรงอภิเษกสมรสกับพระนางยโสธรา
พระเจ้าสุทโธทนะทรงได้ความคิดใหม่ คือ การจัดหาคู่ครอง
ให้แก่พระราชบุตร โดยวิธีจัดประกวดความงามของหญิงสาว และกำหนดให้เจ้าชายสิทธัตถะเป็นผู้ประทานรางวัลตามสมควรแก่ความงามของแต่ละคน
เจ้าชายสิทธัตถะทรงอภิเษกสมรสกับพระนางยโสธราที่กรุงกบิลพัสดุ์ เมื่อมีพระชนมายุได้ 16 พรรษา และต่อมามีพระโอรสองค์หนึ่ง
พระนามว่า ราหุล
|
|
ความเบื่อหน่าย
พระเจ้าสุทโธทนะ ได้ทรงบัญชาให้สร้างปราสาท 3 หลัง เป็นที่ประทับของเจ้าชายสิทธัตถะใน 3 ฤดูกาล แต่สรรพสิ่งสวยงาม
ทั้งปราสาทราชวัง อุทยาน สระน้ำ และอื่น ๆ อีกมากมาย ก็มิอาจป้องกันให้เจ้าชายสิทธัตถะครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งในปัญหาต่าง ๆ อันเกี่ยวกับโลกและชีวิตได้
เจ้าชายสิทธัตถะทรงครุ่นคิดอย่างจริงจังในปัญหาความทุกข์ของมวลมนุษย์
อันเนื่องมาจากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ในขณะที่เสด็จประพาสชมอุทยานนั้น พระองค์ได้มีโอกาสเห็นสมณะผู้ปลีกตนออกจากชีวิตครองเรือน แสวงหาหนทางแก้ปัญหาความทุกข์ของมนุษย์ด้วย
ทรงรู้สึกประทับพระทัยในวิถีทางดำเนินชีวิตที่ไร้ความผูกพันเช่นนั้น |
|
|
|
 |
|
 |
การสละโลก
เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จลงจากปราสาทในยามดึกสงัด ทรงประทับม้า
กัณฐกะออกจากนครกบิลพัสดุ์ มีนายฉันนะตามเสด็จ
พระองค์ทรงขี่ม้าข้ามแม่น้ำอโนมานที เมื่อพ้นเขตนครกบิลพัสดุ์แล้ว ทรงเปลื้อง
เครื่องประดับกายของเจ้าชายแห่งวงศ์กษัตริย์ออก มอบให้นายฉันนะนำกลับไปส่งพระราชบิดาพร้อมกับม้า แล้วก็ทรงบวชเป็นบรรชิต โดยตัดพระโมลีให้ขาดด้วยพระองค์เอง
เมื่อรุ่งอรุณของวันใหม่ |
|
ทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ โคนต้นมหาโพธิ์
พระสิทธัตถะโคตมะแห่งศากยวงศ์ ผู้ทรงมีพระชนมายุ 35 พรรษา ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ณ โคนต้นมหาโพธิ์ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ในเวลาใกล้รุ่งแห่งคืน วิสาขปุรณมี วันเพ็ญเดือนหก
|
|
|
|
 |
|
 |
คิดโปรดสัตว์
ทรงพิจารณาอุปนิสัยต่างกันของปวงชน ซึ่งอาจจำแนกเทียบเคียงได้กับดอกบัว 4 เหล่า
คือ ดอกบัวที่ชูตัวขึ้นลอยเหนือน้ำ เปรียบเสมือนผู้ที่มีสติปัญญาสูง ได้ฟังพระธรรมเทศนาก็บรรลุธรรมทันที ดอกบัวปริ่มน้ำเทียบกับผู้ฟังธรรมแล้วตามบรรลุธรรมภายหลัง
ดอกบัวใต้น้ำไม่ลึกนัก คือ ผู้ที่อาจบรรลุธรรมได้โดยต้องฝึกอบรมอย่างมาก และพวกสุดท้าย บัวที่อยู่ลึกมาก คือ ผู้ที่สอนให้เข้าใจอะไรไม่ได้ เมื่อทรงพิจารณาเห็นว่า
ยังมีผู้ที่จะได้ประโยชน์จากพระธรรมเช่นนี้ จึงน้อมพระทัยที่จะเผยแผ่ธรรมโปรดปวงชน
|
|
พระพุทธเจ้าโปรดปัญจวัคคีย์ทั้ง 5
พระพุทธเจ้าเสด็จพระพุทธดำเนินไปโปรดพระฤาษีปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
|
 |
|
 |
พุทธกิจประจำวันทรงเสด็จโปรดสัตว์
ก่อนรุ่งสว่างทรงลุกขึ้นแล้วเล็งสัญญาณตรวจดูสัตว์โลกว่ามีใครที่พระองค์ควรเสด็จไปสงเคราะห์เป็นกรณีพิเศษหรือไม่ ถ้าทรงเห็น
พระองค์จะเสด็จในตอนเช้ามืดซึ่งแม้จะยากลำบากและมีอันตรายมากมายก็ต้องเสด็จไป |
|
พุทธกิจประจำวันทรงเสด็จจาริกสั่งสอนมหาชน
ในตอนบ่ายใกล้เย็นประชาชนทั้งใกล้และไกลจะมาเฝ้าเพื่อสดับพระธรรมเทศนาอันมีความไพเราะทุกส่วนทุกตอน มีความกระจ่างแจ่มชัดเปิดเผยให้เห็นและเข้าใจแง่มุมต่าง ๆ ของชีวิต
ประจำวันเมื่อได้ฟังแล้วเกิดความอิ่มใจและนำไปใช้เป็นประโยชน์ได้จริง ทุกคนเกิดความเชื่อมั่นยึดเอาพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นหลักเป็นที่พึ่งตลอดชีวิตของตน
|
 |
|
 |
พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปโปรด โจรองคุลีมาล
พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปโปรดโจรองคุลีมาลผู้เข่นฆ่ามนุษย์แล้วเอานิ้วมือร้อยไว้เป็นพวง โดยแสดงปาฏิหาริย์ให้องคุลีมาลวิ่งตามไม่ทัน เมื่อโจรร้องเรียกให้หยุดก่อน พระบรมศาสดาตรัสตอบว่า
"เราหยุดแล้ว องคุลีมาล ท่านเล่าจงหยุดเถิด" เมื่อโจรซักถามความหมาย พระองค์ทรงแสดงธรรมว่า พระองค์ทรงหยุดเบียดเบียนสัตว์โลกทั้งปวงแล้ว
ส่วนองคุลีมาลนั้นยังเบียดเบียนอยู่ องคุลีมาลฟังธรรมได้คิดจึงขอบวช และติดตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปอยู่ ณ พระเชตวัน เขตนครสาวัตถี
ได้รับอภัยโทษจากพระเจ้าปเสนทิโกศล ต่อมาภายหลังหลีกออกจากหมู่ กระทำความเพียรปฏิบัติธรรม บรรลุอรหัตผล
|
|
เสด็จกบิลพัสดุ์
พระเจ้าสุทโธทนะทรงทราบข่าวว่าพระราชโอรสได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็
มีพระประสงค์จะได้พบ จึงรับสั่งให้อำมาตย์ไปเชิญเสด็จ ปรากฎว่าพออำมาตย์เหล่านั้นได้ฟังธรรมเทศนาของพระพุทธองค์แล้วก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์และทูลขออุปสมบทหมดทุกคน
จากนั้นจึงทูลเชิญเสด็จพระพุทธองค์เสด็จไปยังกรุงกบิลพัสดุ์ พระองค์ทรงแสดงธรรมเทศนาโปรดพระเจ้าสุทโธทนะ พระพุทธบิดากับพระประยูรญาติ ทำให้
พระเจ้าสุทโธทนะได้ดวงตามเห็นธรรม |