ก่อนพุทธศักราช 80 ปี ที่เมืองกบิลพัสดุ์ ในชมพูทวีป ซึ่งปัจจุบันเป็นประเทศอินเดียและเนปาล กษัตริย์ที่ครองเมืองคือ พระเจ้าสุทโธทนะ พระมเหสีมีพระนามว่า พระนางสิริมหามายา ในปีนั้น พระนางสิริมหามายาได้ประสูติพระราชโอรส เมื่อประสูติได้ 5 วัน จึงมีพิธีขนานพระนามพระกุมารว่า "สิทธัตถะ" เจ้าชายสิทธัตถะได้รับการถนอมเลี้ยงดูอย่างดี เมื่อพระชนมายุได้ 7 พรรษา พระบิดาได้ขุดสระบัวให้เป็นที่พักผ่อน 3 สระ และจัดให้เข้าศึกษาในสำนักของอาจารย์ชั้นดีในสมัยนั้น เมื่อมีพระชนมายุ 16 พรรษา ได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงยโสธรา (พระนางพิมพา) มีพระโอรสองค์หนึ่ง พระนามว่า ราหุล ต่อมาเมื่อเจ้าชายสิทธัตถะมีพระชนมายุได้ 29 พรรษา เกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตมนุษย์ที่ต้องได้รับทุกข์ในการเวียนว่ายตายเกิดจึงเสด็จออกบวช
        พระสิทธัตถะทรงบำเพ็ญเพียรศึกษาหาวิธีทางพ้นทุกข์อยู่ 6 ปี จึง ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า หลังจากนั้นพระองค์จึงเสด็จออกสั่งสอนคนทั่วไปให้รู้ถึงพระธรรม เพื่อให้รอดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง
        พระพุทธเจ้าเสด็จออกสั่งสอนประชาชนเป็นเวลา 45 ปี ก็เสด็จปรินิพพาน เมื่อพระชนมายุได้ 80 พรรษา


ทรงอภิเษกสมรสกับพระนางยโสธรา
        พระเจ้าสุทโธทนะทรงได้ความคิดใหม่ คือ การจัดหาคู่ครอง ให้แก่พระราชบุตร โดยวิธีจัดประกวดความงามของหญิงสาว และกำหนดให้เจ้าชายสิทธัตถะเป็นผู้ประทานรางวัลตามสมควรแก่ความงามของแต่ละคน
         เจ้าชายสิทธัตถะทรงอภิเษกสมรสกับพระนางยโสธราที่กรุงกบิลพัสดุ์ เมื่อมีพระชนมายุได้ 16 พรรษา และต่อมามีพระโอรสองค์หนึ่ง พระนามว่า ราหุล

ความเบื่อหน่าย
        พระเจ้าสุทโธทนะ ได้ทรงบัญชาให้สร้างปราสาท 3 หลัง เป็นที่ประทับของเจ้าชายสิทธัตถะใน 3 ฤดูกาล แต่สรรพสิ่งสวยงาม ทั้งปราสาทราชวัง อุทยาน สระน้ำ และอื่น ๆ อีกมากมาย ก็มิอาจป้องกันให้เจ้าชายสิทธัตถะครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งในปัญหาต่าง ๆ อันเกี่ยวกับโลกและชีวิตได้
        เจ้าชายสิทธัตถะทรงครุ่นคิดอย่างจริงจังในปัญหาความทุกข์ของมวลมนุษย์ อันเนื่องมาจากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ในขณะที่เสด็จประพาสชมอุทยานนั้น พระองค์ได้มีโอกาสเห็นสมณะผู้ปลีกตนออกจากชีวิตครองเรือน แสวงหาหนทางแก้ปัญหาความทุกข์ของมนุษย์ด้วย ทรงรู้สึกประทับพระทัยในวิถีทางดำเนินชีวิตที่ไร้ความผูกพันเช่นนั้น
   
การสละโลก
        เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จลงจากปราสาทในยามดึกสงัด ทรงประทับม้า กัณฐกะออกจากนครกบิลพัสดุ์ มีนายฉันนะตามเสด็จ         พระองค์ทรงขี่ม้าข้ามแม่น้ำอโนมานที เมื่อพ้นเขตนครกบิลพัสดุ์แล้ว ทรงเปลื้อง เครื่องประดับกายของเจ้าชายแห่งวงศ์กษัตริย์ออก มอบให้นายฉันนะนำกลับไปส่งพระราชบิดาพร้อมกับม้า แล้วก็ทรงบวชเป็นบรรชิต โดยตัดพระโมลีให้ขาดด้วยพระองค์เอง เมื่อรุ่งอรุณของวันใหม่
ทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ โคนต้นมหาโพธิ์
        พระสิทธัตถะโคตมะแห่งศากยวงศ์ ผู้ทรงมีพระชนมายุ 35 พรรษา ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ โคนต้นมหาโพธิ์ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ในเวลาใกล้รุ่งแห่งคืน วิสาขปุรณมี วันเพ็ญเดือนหก

   
คิดโปรดสัตว์
     ทรงพิจารณาอุปนิสัยต่างกันของปวงชน ซึ่งอาจจำแนกเทียบเคียงได้กับดอกบัว 4 เหล่า คือ ดอกบัวที่ชูตัวขึ้นลอยเหนือน้ำ เปรียบเสมือนผู้ที่มีสติปัญญาสูง ได้ฟังพระธรรมเทศนาก็บรรลุธรรมทันที ดอกบัวปริ่มน้ำเทียบกับผู้ฟังธรรมแล้วตามบรรลุธรรมภายหลัง ดอกบัวใต้น้ำไม่ลึกนัก คือ ผู้ที่อาจบรรลุธรรมได้โดยต้องฝึกอบรมอย่างมาก และพวกสุดท้าย บัวที่อยู่ลึกมาก คือ ผู้ที่สอนให้เข้าใจอะไรไม่ได้ เมื่อทรงพิจารณาเห็นว่า ยังมีผู้ที่จะได้ประโยชน์จากพระธรรมเช่นนี้ จึงน้อมพระทัยที่จะเผยแผ่ธรรมโปรดปวงชน


พระพุทธเจ้าโปรดปัญจวัคคีย์ทั้ง 5
พระพุทธเจ้าเสด็จพระพุทธดำเนินไปโปรดพระฤาษีปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน

พุทธกิจประจำวันทรงเสด็จโปรดสัตว์
         ก่อนรุ่งสว่างทรงลุกขึ้นแล้วเล็งสัญญาณตรวจดูสัตว์โลกว่ามีใครที่พระองค์ควรเสด็จไปสงเคราะห์เป็นกรณีพิเศษหรือไม่ ถ้าทรงเห็น พระองค์จะเสด็จในตอนเช้ามืดซึ่งแม้จะยากลำบากและมีอันตรายมากมายก็ต้องเสด็จไป
พุทธกิจประจำวันทรงเสด็จจาริกสั่งสอนมหาชน
        ในตอนบ่ายใกล้เย็นประชาชนทั้งใกล้และไกลจะมาเฝ้าเพื่อสดับพระธรรมเทศนาอันมีความไพเราะทุกส่วนทุกตอน มีความกระจ่างแจ่มชัดเปิดเผยให้เห็นและเข้าใจแง่มุมต่าง ๆ ของชีวิต ประจำวันเมื่อได้ฟังแล้วเกิดความอิ่มใจและนำไปใช้เป็นประโยชน์ได้จริง ทุกคนเกิดความเชื่อมั่นยึดเอาพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นหลักเป็นที่พึ่งตลอดชีวิตของตน

พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปโปรด
โจรองคุลีมาล
        พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปโปรดโจรองคุลีมาลผู้เข่นฆ่ามนุษย์แล้วเอานิ้วมือร้อยไว้เป็นพวง โดยแสดงปาฏิหาริย์ให้องคุลีมาลวิ่งตามไม่ทัน เมื่อโจรร้องเรียกให้หยุดก่อน พระบรมศาสดาตรัสตอบว่า "เราหยุดแล้ว องคุลีมาล ท่านเล่าจงหยุดเถิด" เมื่อโจรซักถามความหมาย พระองค์ทรงแสดงธรรมว่า พระองค์ทรงหยุดเบียดเบียนสัตว์โลกทั้งปวงแล้ว ส่วนองคุลีมาลนั้นยังเบียดเบียนอยู่ องคุลีมาลฟังธรรมได้คิดจึงขอบวช และติดตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปอยู่ ณ พระเชตวัน เขตนครสาวัตถี ได้รับอภัยโทษจากพระเจ้าปเสนทิโกศล ต่อมาภายหลังหลีกออกจากหมู่ กระทำความเพียรปฏิบัติธรรม บรรลุอรหัตผล

เสด็จกบิลพัสดุ์
        พระเจ้าสุทโธทนะทรงทราบข่าวว่าพระราชโอรสได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็ มีพระประสงค์จะได้พบ จึงรับสั่งให้อำมาตย์ไปเชิญเสด็จ ปรากฎว่าพออำมาตย์เหล่านั้นได้ฟังธรรมเทศนาของพระพุทธองค์แล้วก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์และทูลขออุปสมบทหมดทุกคน จากนั้นจึงทูลเชิญเสด็จพระพุทธองค์เสด็จไปยังกรุงกบิลพัสดุ์ พระองค์ทรงแสดงธรรมเทศนาโปรดพระเจ้าสุทโธทนะ พระพุทธบิดากับพระประยูรญาติ ทำให้ พระเจ้าสุทโธทนะได้ดวงตามเห็นธรรม