|
อาตมาภาพได้พูดไปมาก ในแง่ของธรรมที่เกี่ยวกับผู้ที่มาร่วมไปด้วยกัน คือ ประสานระหว่างตัวผู้นำ กับผู้ที่จะตามหรือผู้ที่จะร่วมไปด้วย ส่วนคุณสมบัติด้านอื่นก็เลยแทบไม่ได้พูด นอกจากสัปปุริสธรรมซึ่งเป็นคุณสมบัติภายในสำหรับตัวเองที่ว่า รู้หลักการ รู้ความมุ่งหมาย รู้ตน รู้ประมาณ รู้กาล รู้ชุมชน และรู้บุคคล ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เน้นด้านปัญญา |
|
เนื่องจากเวลาจำกัด คิดว่าเท่าที่ได้พูเรื่องภาวะผู้นำมาทั้งหมดนี้ ก็อยากจะเน้นข้อสำคัญบางอย่าง ซึ่งกระจัดกระจ่ายอยู่ในธรรมชุดต่าง ๆ กล่าวคือ |
|
ประการแรก ตัวเองต้องดี ต้องเป็นแบบอย่างได้ คือ ต้องทำดีเป็นตัวอย่างแก่เขา และมีความรู้ความสามารถที่จะมานำเขาได้ |
|
ประการต่อไป นอกจากเป็นกัลยาณมิตรให้กับเขาแล้ว
ตัวเองก็ต้องมีกัลยาณมิตรด้วย คือ ต้องเลือก ต้องหาที่ปรึกษา
และเพื่อนร่วมงานที่ดี
ลักษณะนี้แสดงถึงความเป็นคนที่ใฝ่แสวงปัญญาหมายความว่า ในการทำงาน
หรือจะนำเข้าไปนั้น ไม่ใช่ว่าตัวผู้นำเองจะทำได้คนเดียว
แต่จะต้องฟังเสียงผู้อื่น และใฝ่แสวงปัญญาอยู่เสมอ ข้อนี้สำคัญมาก
แม้แต่เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่าต้องมีหลักข้อนี้ คือ
ต้องมีที่ปรึกษาที่ไต่ถามจะได้แสวงปัญญาค้นคว้าหาความรู้ให้ทันต่อความเป็นไป
และได้ความคิดที่จะมาใช้ในการปกครอง หรือดำเนินกิจการ เรียกสั้น ๆ
ว่ามีกัลยามิตร ตัวเองเป็น |
|
ต่อไปก็ต้องตั้งอยู่ในความไม่ประมาณ คือ มีสติ คอยตรวจตราสถานการณ์ ความเปลี่ยนแปลงเป็นไป และปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นจะมีผลกระทบต่อชีวิต ต่อองค์กร ต่อชุมชนต่อสังคม ไม่พลาดสายตา จับเอามาตรวจตราพิจารณาทั้งหมด แล้วดำเนินการทางลบ ก็ต้องรีบแก้ไข อะไรจะเป็นโอกาสที่จะทำให้เกิดความเจริญก้าวหน้า ก็ต้องใช้โอกาสนั้นให้เป็นประโยชน์ ไม่ปล่อยให้ผ่านไปเปล่า ความตื่นตัว ทันต่อสถานการณ์ มีความกระตือรือร้น ไม่เฉื่อยชา ไม่ปล่อยเวลาให้ล่วงไป ไม่ถลำพลาดและไม่ยอมเสียโอกาส อย่างนี้เรียกว่าความไม่ประมาท |
|
รวมความว่า 3 ข้อนี้ ต้องมาด้วยกัน คือ |
1. ตัวเองต้องดี ต้องเป็นแบบอย่างได้ |
2. ต้องมีกัลยาณมิตร
ต้องหาที่ปรึกษาและผู้ร่วมการร่วมงานที่ดีมีความรู้ความสามารถ
และ |
3. ต้องเป็นคนไม่ประมาท |
นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติอีกส่วนหนึ่งที่มาเสริม คือ |
4. ต้องเป็นคนเข้มแข็ง นอกจากไม่ประมาท
กระตือรือร้นเอาจริงเอาจังแล้ว ก็ต้องเข้มแข็ง |
5. ต้องทำได้ และช่วยให้คนอื่นทำได้ ในสิ่งที่ต้องการจะทำ |
6. สายตากว้างไกล ข้อนี้ขอสรุปด้วยคำว่า มองกว้าง
คิดไกลใฝ่สูง ซึ่งเป็นลักษณะทาง |
|
มองกว้าง คือ ไม่ใช่มองอยู่แค่องค์กรหรือชุมชนของตน แต่มองไปทั่ว ไม่ว่าอะไรที่เกี่ยวข้องมีผลส่งมา หรือมีอิทธิพลกระทบจากภายนอก จากสังคมอื่น จากคนพวกอื่น กลุ่มอื่น จากปัญหาของโลก จากกระแสโลกาภิวัฒน์ อะไรต่าง ๆ ก็รู้ทั่วรู้ทัน มองไปทั่วโลกทั้งหมด โลกเวลานี้เป็นอย่างไร มีกระแสไปทางไหน มีปัญหาอะไร มีความต้องการอะไร เราปรับตัวปรับองค์กรของเราให้เข้ากับมันได้ หรือรับมือกับมันได้ มี่ส่วนร่วมเกื้อหนุนมันได้หรือช่วยแก้ไขมันได้ มองเห็นโอกาสและช่องทางที่จะดำเนินการตามจุดหมาย อย่างน้อยถ้าไม่นำมันได้ ก็ไม่ให้ถูกครอบงำ หรือไม่ให้ล้าหลัง |
|
คิดไกล หมายความว่า คิดในเชิงเหตุปัจจัย ทั้งสาวไปข้างหลัง และสืบไปข้างหน้า คือเอาภาวะหรือสถานการณ์ปัจจุบันตั้งแล้วใช้ปัญญาสืบสาวหาเหตุปัจจัยในอดีต ย้อนยาวไปให้เห็นว่า ที่เป็นอย่างนี้ เป็นเพราะอะไรและเป็นมาอย่างไร แล้วก็มองหมายอนาคตว่ามันจะเป็นอย่างไร โยงเหตุปัจจัยที่เป็นมาจากอดีตประสานเข้ากับปัจจุบันแล้วก็หยังเห็นอนาคต สามารถวางแผนเตรียมการเพื่ออนาคตให้บรรลุจุดหมาย |
|
ใฝ่สูงหมายความว่าใฝ่ปรารถนาจุดหมายที่ดีงามสูงส่งจุดหมายที่ดีงาม คือความดีงามของชีวิต ความดีงามของสังคม ความเจริญก้าวหน้า มีสันติสุขของมวลมนุษย์ ผู้นำจะต้องมีความปรารถนาในสิ่งเหล่านี้อย่างจริงจัง ไม่ใช่มัวปรารถนาหรือใฝ่ใน ลาภ ยศ ผลประโยชน์ซึ่งในทางธรรมไม่ถือว่าสูง แต่คนไทยคงเอามาใช้ผิด ความใฝ่สูง กลายเป็นความอยากได้ผลประโยชน์ อยากได้ลาภได้ยศ แล้วเอาไปรวมกับมักใหญ่ กลายเป็นมักใหญ่ใฝ่สูงหมายถึงอยากมั่งมีมหาศาล เป็นใหญ่เป็นโต |
|
ที่จริงนั้น ใฝ่สูงหรือใฝ่ในสิ่งสูงที่แท้จริงก็คือ ปรารถนาสิ่งที่ดีงาม ประเสริฐ ซึ่งได้แก่ ความดีงามของชีวิต ประโยชน์สูงของสังคม ความเรียบร้อยดีงามของสภาพแวดล้อม ความร่มเย็นเป็นสุขน่าอยู่อาศัยของโลกทั้งหมด การได้อยู่ในโลกที่ดีงามทุกอย่าง อย่างนี้เรียกว่าสูง เราใฝ่ในสิ่งนี้ก็คือ "ใฝู่สูง" |
|
ในวงแคบเข้ามาใฝ่สูงหมายถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์งานที่ดีเยี่ยม ซึ่งเป็นประโยชน์มากที่สุด หรือผลงานที่มีคุณค่าอย่างเลิศ ตลอดจนผลผลิตที่มีคุณภาพสูงสุด |
|
ผู้นำจะต้องมีแรงใจอันนี้ คือ ใฝ่สิ่งที่ดีงามประเสริฐอย่างสูงยิ่ง และด้วยใจที่ใฝ่สูง ใฝ่สิ่งที่ดีงามประเสริฐอย่างยิ่งนี้ ก็จะทำให้เกิดกำลังใจที่จะทำการสร้างสรรค์ทุกอย่าง นำหมู่ชนที่จะไปด้วยมารวมใจรวมกำลังประสานมือประสานใจทำด้วยกันไปด้วยกัน โดยมีจุดหมายใหม่ที่ใฝ่ปรารถนาอันชัดเจนร่วมกัน และนำเข้าได้ทางทางพฤติกรรม ทางจิตใจ และทางปัญญา ก็จะประสบผลสำเร็จบรรลุจุดหมายที่แท้จริง กล่าวคือ เพื่อประโยชน์แก่เขา แก่ประชาชน แก่สังคม และแก่โลกทั้งหมด |
|
ทั้งนี้เข้ากับหลักพระพุทธศาสนาที่ว่า พระพุทธเจ้าและพระสาวกผู้เป็นอรหันต์ทั้งหลายนั้น เป็นผู้บรรลุประโยชน์ตน หมายความว่าพัฒนาตนเองดีพร้อมแล้ว จึงเป็นผู้ที่มีชีวิตอยู่เพื่อจุดหมายอย่างเดียว คือ พหุชนหิตายะ พหุชนสุขายะ โลกานุกัมปานะ ซึ่งแปลว่า เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขเพื่อเห็นแก่ประโยชน์สุขของชาวโลกนี้คือแห่งการบำเพ็ญกิจของพระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทั้งหลาย ซึ่งผู้นำก็ดำเนินในแนวทางเดียวกัน |
|
ถ้าปฏิบัติตามหลักการที่กล่าวมานี้ก็จะประสบความสำเร็จเรียกว่า เป็นที่พึ่งของหมู่ชนได้ ความเป็นผู้นำนั้น มีฐานะอีกอย่างหนึ่งเรียกว่าเป็นนาถะ คือเป็นที่พึ่ง เหมือนอย่างพระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้บำเพ็ญประโยชน์แก่โลก ก็จึงเป็น "โลกนาถะ" แปลว่า เป็นที่พึ่งของชาวโลก ท่านผู้นำเมื่อนำได้ดีก็จะเป็นที่พึ่งของคนอื่น เป็นที่พึ่งของหมู่ชน จนกระทั่งเป็นที่พึ่งของมวลมนุษย์ชาติต่อไป |
|
อาตมภาพได้กล่าวมาเกินเวลาไปมากแล้ว ขออนุโมทนาทางคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ที่ได้จัดกิจกรรมวิชาการครั้งนี้ขึ้นโดยร่วมมือกันกับสมาคมศิษย์เก่าแพทย์รามาธิบดีและสมาคมศิษย์เก่าพยาบาลรามาธิบดี นับว่าเป็นกิจกรรมที่ประเทืองปัญญา มีจุดมุ่งหมายเป็นบุญเป็นกุศล จึงขอเป็นมงคลอยู่ในตัวนี้ จงเป็นปัจจัยนำมาซึ่งพรทั้ง 4 ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ พร้อมทั้งปฏิภาณธนสารสมบัติแก่ท่านศาสตราจารย์ นายแพทย์อารี วัลยะเสวี พร้อมทั้งชาวคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีดีทุกท่าน ตั้งแต่ท่านคณบดีเป็นต้นไป ขอให้ทุกท่านเจริญด้วยพร 4 ประการ ดังได้กล่าวแล้ว สามารถบำเพ็ญกิจนำชีวิตของตนให้มีความเจริญงอกงามก้าวไปสู่คุณความดียิ่งขึ้นไป และสามารถดำเนินกิจการที่จะนำหมู่ชนสังคมและโลกไปสู่ประโยชน์สุขอย่างกว้างขวางสมควรมุ่งหมายที่สูงประเสริฐทุกประการ |