ทางทิศใต้อีกด้านหนึ่ง ใช้แต่ละทิศตามความต้องการ
เพราะว่าแผนที่ชนิดนี้ใช้สะดวกไม่ยาก เพียงแต่หมุนเวลาไปตรงกับวันที่
และเวลาที่ต้องการดูจะทำให้เห็น
ดาวในแผนที่เหมือนกับดาวบนท้องฟ้าหรือว่าดาวบนฟ้าเหมือนดาวในแผนที่ วิธีการดูจะต้องรู้ทิศก่อน
แล้วก็รู้วิธีที่จะวัดมุมอย่างง่าย ๆ ด้วย
เหมือนกับว่าในแผนที่จะบอกว่าดาวดวงอยู่ทางทิศไหน
อยู่สูงจากขอบฟ้าเป็นมุมเท่าไร ใช้วิธีวัดมุมง่าย ๆ วิธีวัดมุมง่าย ๆ
ทุกคนใช้มือได้ มือของตัวเองถ้ายืดไปตรง
1 นิ้ว ก็ประมาณ 1 องศา
หมายความว่ายืดไปตรง ๆ ยื่นไปข้างหน้า 1
นิ้ว บังอะไรบนฟ้าได้ อะไรบนฟ้าที่อยู่บนฟ้าที่ว่านั้น ประมาณ 1 องศา ถ้า 3
นิ้วติดกัน 5 องศา
ถ้าซัก 1 กำมือก็ประมาณ
10 องศา
แล้วถ้าเอานิ้วชี้ถ่างออกมาจากนิ้วก้อยก็ประมาณ 15 องศา และถ้าหากถ่างออกทั้งหมดทั้ง 5 นิ้ว ปลายหัวแม่มือด้วยแล้วก็ดูปลายนิ้วก้อยด้วยก็ประมาณบางคนอาจจะถึง
25 องศา
บางคนยืดไม่มากก็แค่ 20 องศา
เป็นต้น คือต้องรู้วิธีวัดมุมอย่างง่าย ก็จะได้รู้ว่าดาว 2 ดวง ที่ว่าห่างกัน 5 องศาจริง
การดูดาวโดยทั่ว ๆ
ไปต้องเข้าใจว่าดาวแต่ละไม่เหมือนกัน เช่น บางคนดูดาวบนฟ้าแล้วรู้สึกว่า ดาวทำไมมากเหลือเกิน
เหมือนกันทุกดวง ความจริงไม่ใช่ ดาวมีลักษณะแตกต่างกันอยู่มาก แบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกันคือประเภทที่อยู่ใกล้ ๆ พวกหนึ่ง
และประเภทที่อยู่ไกล ที่อยู่ใกล้ ๆ ก็คือยู่ในระบบสุริยะ ระบบสุริยะมีน้อย
ที่เห็นด้วยตาเปล่าจำได้ง่ายเพราะว่ามี 7
ดวงเท่านั้น 7 ดวงที่ว่าก็คือดาวที่ตั้งเป็นชื่อวันนั่นเอง
รู้จักดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์กันทุกคน ดาวเคราะห์ 5 ดวงที่เห็นด้วยตาเปล่าบนฟ้าในขั้นแรกจะต้องสามารถรบอกได้ว่าดวงไหนเป็นดาวอังคาร
ดวงไหนเป็นดาวพุธ ดวงไหนเป็นดาวพฤหัส ดวงไหนเป็นดาวศุกร์ ดวงไหนเป็นดาวเสาร์
ซึ่งเป็นสิ่งไม่ยาก
ดูให้เข้าใจลักษณะนี้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรทั้งสิ้นนอกจากตาเปล่าแล้วก็คอยติดตาม
บังเอิญในแผนที่ไม่มีตำแหน่งดาวเคราะห์กลุ่มนี้
ไม่มีตำแหน่งดวงจันทร์ไม่มีตำแหน่งดวงอาทิตย์แต่ก็ไม่ยาก
อุปกรณ์อย่างอื่นที่พูดถึงว่าต้องมีกล้องดูดาวไม่จำเป็นในตอนแรก
เพราะกล้องดูดาวมีข้อจำกัดในหลายประการ การส่องดูดาวเคราะห์ก็เห็นวงแหวน
เห็นความสวยงามของดาวเสาร์เป็นไปได้แต่นำกล้องไปสู่ดูดาวลูกไก่ก็เห็นจุดสว่าง
เห็นจำนวนเพิ่มขึ้น ไม่ได้ใหญ่โตขึ้นมา เป็นข้อจำกัด เพราะว่ากล้องดูดาวที่ดี
ๆ ราคาแพง ก่อนซื้อกล้องดูดาวจะต้องดูดาวให้เป็นก่อน
ต้องรู้ว่าจะนำกล้องดูดาวทำอะไร อาจจะซื้อกล้องที่เรียกว่ากล้อง 2 ตา
ซึ่งอาจจะเหมาะเพราะว่าใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง นำไปดูของที่อยู่ไกล ๆ
อย่างเช่น ดูนกก็ดูได้ ดูดาวลูกไก่ก็ดูได้ในกล้อง 2 ตา เพราะเห็นจำนวนมากขึ้นในกรุงเทพฯ
เห็นดาวได้น้อยถ้านำกล้อง 2 ตาไปส่องจะเห็นดีขึ้นอย่างเช่นบางแห่งไม่เห็นดาวเหนือแต่ถ้าเอากล้อง
2 ตา
ไปส่องแล้วปรากฏขึ้นมาอย่างนี้เป็นต้น ใช้อุปกรณ์นอกจากแผนที่ดาวแล้ว
ถ้าจะมีเงินก็ซื้อกล้อง 2 ตา
สำหรับการเริ่มต้นจะแนะนำก็คือว่าพยายามรู้จักดาวที่สว่างมาก
ๆ เสียก่อน ดาวเคราะห์ได้ชื่อว่าเป็นดาวที่สว่างมาก ๆ สว่างกว่าดาวฤกษ์
สว่างกว่าอื่น ๆ เรียงเป็นกลุ่มเป็นหมู่
ดาวเคราะห์สว่างไม่คงที่ดาวศุกร์สว่างที่สุดรู้จักง่ายเพราะจะเห็นในเวลาก่อนรุ่งอรุณ
เรียกดาวรุ่ง ถ้าเห็นทางตะวันตกในเวลาหัวค่ำก็เป็นดาวประจำเมือง
หลายเดือนถึงจะเห็นดาวประจำเมือง เพราะฉะนั้นดาวศุกร์จำง่าย
ดวงที่สว่างรองลงไปอีกก็คือดาวพระพฤหัสบดี ดาวพระพฤหัสบดีสว่างรองลงไป
แล้วก็สว่างกว่าดาวฤกษ์เยอะทีเดียว
ระยะนี้เป็นระยะที่เห็นดาวพฤหัสบดีง่ายเพราะเห็นตั้งแต่หัวค่ำ ดาวที่สว่างมาก
ๆ อยู่สูงนั้นคือดาวพฤหัสบดี แต่ว่าดาวพฤหัสบดีจะมีคู่แข่งที่สว่างมากขึ้นก็คือดาวอังคาร
แต่ดาวอังคารมีสีแดงแล้วโดยส่วนมากดาวอังคารสว่างน้อยกว่าดาวพฤหัสบดี
จะมาสว่างกว่าดาวพฤหัสบดีทุก ๆ 15 ปี ถึง 14 ปี ไม่ใช่ทุกปี เพราะฉะนั้นดาวอังคารก็ตัดไปได้
ในเรื่องที่มาสว่างแข่งกว่าดาวพระพฤหัสบดีที่ว่าก็คือ สีมันแดง เป็นการมองด้วยตาเปล่าทั้งนั้น
ดาวเสาร์จะสว่างขึ้นตอนที่อยู่ใกล้โลก ที่สว่างยากก็อาจจะเป็นดาวพุธ
เพราะว่าดาวพุธนั้นปรากฏ อยู่ใกล้ขอบฟ้า อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์
ดาวเคราะห์ที่สว่างมาก ๆ ที่เป็นดาวฤกษ์มีประมาณ 21 ดวงเท่านั้น บนฟ้า ทุกหน ทุกแห่ง เพราะฉะนั้น 21 ดวงนี้จะให้รู้จัก ทุกดวงจะมีชื่อเฉพาะอย่าง เช่น
ดาวฤกษ์ ที่สว่างที่สุดบนฟ้าเวลากลางคืนชื่อว่าดาวซิริอาสซ์
คนไทยเรียกว่าดาวโจร หรือดาวสุนัขเป็นต้น หรือดาวอยู่ใกล้ ๆ
กันที่สว่างอยู่ในอีกกลุ่มหนึ่งถัดไปก็คือดาวโปรซิคอน
ชื่ออาจจะแปลก แต่มีชื่อเป็นภาษาไทยอย่างเช่น ดาวดวงแก้ว
อย่างนี้สว่างสุกแสงเหมือนแก้วก็ควรจะรู้จัก ไปที่ไหนก็เห็นเป็นดาวสว่าง
อยู่ในกรุงเทพฯ
ก็เห็นไปบ้านนอกยิ่งเห็นสว่างสุกใสเป็นดวงเด่นที่สุดในกลุ่มเพราะฉะนั้นในการรู้จักกลุ่มดาวควรจะรู้จักดาวที่เด่นมากกว่าส่วนที่เห็นเรียงกันอยู่เป็นรูปร่างดูในแผ่นที่ดาวเป็นกลุ่มเดียวกัน
โยงเส้นต่อด้วยกันคือดาวดวงใดบ้าง พยายามหาก่อน เช่น
กลุ่มดาวที่เรียกว่ากลุ่มดาวจระเข้มีอยู่ 7
ดวง เรียงกัน 7 ดวงที่ว่าดวงไหนบ้าง
พยายามไล่เรียงตามให้ได้ถ้าไปดูแผนที่ดาวที่เขาทำขึ้นหรือดูในหนังสือบางเล่มก็จะละเอียด
จะบอกให้ชัดเจนถ้าจะดูกลุ่มหมี ดาวสิงห์โตมีดาวอยู่
15 ดวง
ดวงใดบ้างก็ไปไล่ตามนั้น กลุ่มทั้งหมดมี 88
กลุ่ม ไม่จำเป็นจะต้องรู้หมด 88
กลุ่ม มีกลุ่มเด่น ๆ เพียงไม่กี่กลุ่ม กลุ่มเด่น ๆ
ที่ว่าก็คือกลุ่มที่มีดาวฤกษ์ที่สว่างมาก ๆ อยู่ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ค่อย ๆ
รู้จักไปทีละกลุ่มสองกลุ่ม จากกลุ่มที่รู้จักดีแล้วก็นำไปสู่กลุ่มอื่น ๆ ต่อไป
|